ฝึกพลังจิต3 วิชาเกี่ยวกับความฝัน


จากคราวที่แล้ว เราเรียนรู้ความหมายของจิตใต้สำนึก เราเริ่มสังเกตว่ามันอาจมีสิ่งต่างๆทำงานอยู่ในระบบของมันโดยที่เราไม่เคยรู้เลยว่ามันทำอะไร เพื่ออะไร ในจิตใต้สำนึกนั้น และเราเริ่มหัดที่จะเข้าสู่จิตใต้สำนึกแบบง่ายๆแล้ว(หวังว่าทำได้แล้วใช่ใหม?....เยี่ยมมากครับ) งั้น คราวนี้ เราจะไปกันต่อในส่วนของจิตใต้สำนึก ที่สำคัญและยากขึ้นอีกหน่อย.. ความฝัน

น่าสงสัยมาก ว่า ทำไมมนุษย์ถึงเกิดมาพร้อมกับความสามารถที่จะเพลิดเพลินกับความฝันที่ไม่มีอยู่จริง จริงหรือ!ที่ฟังก์ชันนี้เป็นไปเพื่อสร้างความสำราญเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีสาระอะไรเลย?
ข่าวดี! มันไม่ไร้สาระ เรื่องนี้เป็นอย่างที่คุณหวังไว้.. ความฝันเป็นกระบวนการทำงานที่สำคัญมากของวิญญานมนุษย์

ก่อนอื่นที่จะเข้าใจความฝัน เราต้องเข้าใจลักษณะที่สำคัญประการหนึ่งของมนุษย์ คือ ความสามารถในการปรุงแต่งความต้องการใหม่ๆได้ ซึ่งสัตว์ทุกชนิดทำได้เพียงต้องการและแสวงหาตามสัญชาติญาน ไม่มีการเป็นอย่างอื่นอีก วัวเกิดมาก็กินนม..แล้วก็หญ้า ไม่มีวัวตัวไหนสนใจอยากกินซึชิ หรือไก่งวงอบ แค่หญ้า.. แต่มนุษย์เท่านั้นนับวันจะคิดค้นของกินเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ และต้องการในสิ่งต่างๆใหม่ๆเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีสิ้นสุด

แต่แย่จัง! ความต้องการของมนุษย์สุดจะประมาณได้ แต่ความสามารถในการทำความต้องการให้เกิดขึ้นจริงกลับไม่ได้ใกล้เคียงเลย! สิ่งที่หวังไว้เอาแต่ละคนเข้าจริงทำได้แค่จิ๊ดเดียวนอกนั้น เวลาผ่านๆไปความต้อ
การมันก็หายไปเอง

มันหายไปยังไง....นั่นแหละประเด็น! หายด้วยฝันนั่นแหละ!

เวลาที่ความต้องการเกิดขึ้น ความต้องการก็คือพลังงานในมิติทิพย์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเวลาที่พลังงานเกิดขึ้นแล้ว มันไม่มีทางหายไปเฉยๆครับ(ดูเหมือนนักวิทยาศาสตร์พูดถูกบางอย่างนะ) แต่มันจะต้องถูกใช้แปรสภาพไปเป็นพลังงานอย่างอื่น เป็นการกระทำ เป็นความคิด เป็นการพูด พอใช้หมด พลังงานความต้องการก็จะหมดไป(เพราะกลายเป็นพลังงานอย่างอื่นต่อ..ไม่หายไปนะ)
แต่โอ้อนิจจา บางทีคนเราเลือกที่จะไม่ทำตามความต้องการของตนเพราะเหตุผลมากมาย บาป กลัวล้มเหลว ขี้เกียจฯลฯ ทีนี้แหละครับ พลังงานความต้องการที่เราไม่ยอมเอาไปใช้เปลี่ยนเป็นพลังงานอย่างอื่น ก็ไม่สามารถไปไหนได้ แต่จะเก็บกดอยู่ข้างใน(ส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว)

แต่อะฮ้า ทีวีไดเร็คขอเสนอ! โปรแกรมใหม่ล่าสุดที่ให้มาพร้อมวิญญานมนุษย์เวอร์ชั่นปัจจุบันทุกคน....ฝันครับ!

โดยพอเราล้มตัวลงนอน จิตใต้สำนึกเป็นอิสระจากส่งรบกวนในชีวิตประจำวัน มันจะทำการเผาผลาญพลังงานความต้องการที่มากเกินไป โดยการเอาพลังงานนั้นมาสร้างทำเป็นหนังครับ แล้วเรื่องที่ออกมา ก็เกี่ยวกับความต้องการที่ค้างอยู่นั่นแหละ ยิ่งหนังความฝันซับซ้อน ยาวและเหมือนจริงเท่าไหร่ ต้องใช้พลังงานสูงและหมายถึงกำจัดพลังงานส่วนเกินได้มากด้วย แต่ถ้าพลังงานความต้องการมากเกิน(หรือเราไปเพิ่มเข้าเรื่อยๆในเรื่องเดิมๆ) อาจต้องฉายหลายรอบครับ ถึงจะหมด

นั่นแหละครับ การทำงานของความฝัน ...เพื่อเปลี่ยนแปลงถ่ายเทพลังงานตกค้าง

แต่เดี๋ยวก่อน! นอกจากพลังงานความต้องการแล้ว บางทีโปรแกรมฝันยังเปลี่ยนสัญญานจากเบื้องบน หรือสัญญานจากจิตใต้สำนึกที่จะแนะนำเราในการใช้ชีวิต ให้กลายสัญญานรูปรสกลิ่นเสียง..เป็นฝัน ซึ่งดีมากเพราะเราจะได้ดูรู้เรื่อง(หรือเกือบรู้เรื่อง) เยี่ยมไหมล่ะครับความฝันเนี่ย แต่ขอย้ำนะครับ ว่าไม่ใช่ฝันทุกฝัน ที่เป็นคำแนะนำ ฟังก์ชั่นทั่วไปของฝันคือการเผาผลาญพลังงานตกค้างอยู่ดีครับ

และไม่ว่ากรณีไหน หากเรารู้สึกและจดจำความฝันได้ ยิ่งมีประสิทธิภาพครับ ถ้าสมมุติฝันเผาผลาญพลังงาน มันจะเผาได้สนิทขึ้น ถ้าฝันบอกใบ้ยิ่งจำเป็น(ไม่งั้นบอกอะไรมา ลืมหมดก็จบกัน)

ดังนั้น สรุป จริงๆแล้ววิชาdream recall มีประโยชน์กว่าวิชา dream control อีกครับ เอ้า หาสมุดวางไว้หัวนอนได้!

สรุป
1.ฝันเป็นโปรแกรมที่มหัศจรรย์มากๆ
2.ความต้องการที่ไม่ได้เอาใช้ทำจริง ไม่หายไปเองเลย แต่จะตกค้างอยู่จนกว่าจะใช้ไป
3.การทำงานของฝัน คือการเปลี่ยนแปลงและถ่ายเทพลังงาน
3. บางครั้งฝันคือการถ่ายทอดสัญญานแนะนำการใช้ชีวิต
4.เราสามารถช่วยให้ฝันทำงานดีขึ้นได้มากจากการฝึกจำความฝัน(dream recall)