“Chic 39 Cafe” อร่อย รื่นรมย์ ชมสวนกลางกรุง

มุมเย็นสบายภายในร้าน
       ถ้าจะหาร้านอาหารกลางกรุงที่มีบรรยากาศเหมือนอยู่ในสวนส่วนตัว ก็คงจะมีอยู่เพียงไม่กี่ร้าน เพราะพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ ของเราช่างมีอยู่น้อยนิดเหลือเกิน แต่ “ตระเวนกิน” ก็ได้รับชักชวนจากน้องสาวคนหนึ่ง ให้ลองไปที่ร้านน่ารักๆ กลางสวนสวยในซอยสุขุมวิท 39 หรือ ซอยพร้อมพงษ์ นั่นเอง
      
       ร้านที่ว่านี้คือ “Chic 39 Cafe” ร้านอาหารไทยสูตรดั้งเดิม ที่เพิ่งจะเปิดตัวมาได้เพียง 3 เดือนกว่าๆ เท่านั้น จุดเริ่มต้นมาจากเจ้าของร้าน คุณโจ๊ก จักษ์ ลัดพลี มีที่ทางดั้งเดิมอยู่บริเวณนี้ ประกอบกับอยากจะให้คนอื่นๆ ได้มาสัมผัสธรรมชาติที่หาได้ยากในกรุงเทพฯ เลยเปิดร้านอาหารขึ้นมา
การตกแต่งสีสันสดใสสบายตา
       การตกแต่งเน้นในแบบธรรมชาติ ให้ผู้ที่เข้ามารู้สึกสบายมากที่สุด ในส่วนที่นั่งแต่ละโต๊ะ ก็จะใช้ผ้าปูโต๊ะลวดลายสดใส มีหมอนสีสันสะดุดตา วางไว้ให้เอนอิงสบายตัว ของตกแต่งกระจุกกระจิกก็นำของเก่ามารีไซเคิล จัดวางไว้ในมุมต่างๆ ของร้านอย่างน่ารัก สามารถใช้เป็นมุมถ่ายรูปได้ทุกๆ มุมในร้าน
      
       นอกจากส่วนของร้านอาหาร ก็ยังมีส่วนที่เป็นห้องพัก ซึ่งมีทั้งหมด 5 ห้อง โดย 4 ห้องแรกนั้นจะอยู่ในบริเวณของบ้านไม้ 2 ชั้นซึ่งปรับปรุงมาจากบ้านเก่า และห้องที่ 5 เป็นวิลล่าส่วนตัวอยู่ทางด้านหลัง ทั้ง 5 ห้องมีการตกแต่งที่ไม่เหมือนกัน เน้นที่การพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ โดยราคาของห้องพักจะอยู่ที่ประมาณ 1,600 – 2,900 บาท
สลัดภูเขาและท้องทะเล
       หลังจากเดินชมบรรยากาศร้านจนทั่วแล้ว เราเลยขอเมนูมาสั่งอาหาร ซึ่งแม้จะมีเพียงไม่กี่เมนู แต่ก็เป็นจานเด็ดที่เจ้าของร้านภูมิใจนำเสนอทั้งสิ้น และเรายังได้ลองชิมน้ำอัญชันสีฟ้าสดใส ที่ทางร้านจะเสิร์ฟให้ฟรีทุกโต๊ะ ดื่มแล้วชื่นใจดีจริงๆ
      
       จานแรกของวันนี้เริ่มต้นที่อาหารเบาๆ อย่าง สลัดภูเขาและท้องทะเล (220 บาท) เป็นสลัดที่มีความเชื่อมาจากชาวญี่ปุ่นว่า ในอาหารหนึ่งจานจะต้องได้แร่ธาตุมาจากภูเขาและท้องทะเล สลัดจานนี้เลยมีส่วนผสมทั้งเนื้อก้ามปูอัดอลาสก้า ไข่กุ้ง สาหร่าย ถั่วแระญี่ปุ่น เต้าหู้สด และผัดสลัด ราดด้วยน้ำสลัดงาหอมสูตรของทางร้าน ลองชิมแล้วได้รสชาติหวานๆ เค็มๆ และความหอมจากน้ำสลัด
น้ำพริกประพาสเรือ
       จากนั้นมาลองลิ้มอาหารไทยๆ กันบ้าง อย่าง น้ำพริกประพาสเรือ (120 บาท) ความจริงแล้ว น้ำพริกถ้วยนี้ก็คือน้ำพริกลงเรือนั่นเอง ซึ่งเป็นสูตรดั้งเดิม กินคู่กับเครื่องเคียงต่างๆ อย่างไข่เค็ม ผักสด ผักลวก และดอกเฟื่องฟ้าชุบแป้งทอด รสชาติของน้ำพริกมีทั้งความเค็ม หวาน เผ็ด ความหอม เอามาคลุกกับข้าวแล้วกินกับเครื่องเคียง ก็กินได้ทุกวันไม่มีเบื่อ
แกงมัสมั่นไก่นุ่ม
       จานถัดมาเป็น แกงมัสมั่นไก่นุ่ม (100 บาท) ที่นำไก่มาหมักกับนมสดให้นุ่ม แล้วนำมาเคี่ยวกับน้ำแกงมัสมั่นที่แม่ครัวโคลกเครื่องแกงเองกับมือ ใส่มันฝรั่ง ถั่วลิสง และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ทำให้ได้รสชาติกลมกล่อมของน้ำแกง ความมันจากถั่วลิสงและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ส่วนเนื้อไก่ก็นุ่มมาก ได้รสชาติมัสมั่นในเนื้อไก่ด้วย
แกงส้มผักรวมญาติ
       ต่อด้วย แกงส้มผักรวมญาติ (90 บาท) แกงส้มถ้วยนี้เป็นอาหารจานสุขภาพจริงๆ เพราะอุดมไปด้วยผักนานาชนิด และยังใส่กุ้งสดตัวโต ส่วนน้ำพริกแกงนั้นทางร้านทำขึ้นเอง จึงสด ใหม่ และสะอาด น้ำแกงจึงออกมาสีส้มสวย กลิ่นหอมชวนกิน รสชาติจัดจ้าน
      
       เมนูต่อมาเป็น ผัดพริกขิงไก่บ้าน (100 บาท) ใช้เนื้อไก่บ้านมานึ่งกับสมุนไพรต่างๆ ให้มีกลิ่นหอม จากนั้นฉีกเนื้อไก่เป็นชิ้นเล็กๆ นำไปคั่วจนแห้งกรอบ ผัดกับเครื่องพริกขิง เสิร์ฟพร้อมกับผักสดหลายชนิด กินแล้วเนื้อไก่กรอบมาก ได้รสชาติพริกขิงถึงเครื่อง
ผัดพริกขิงไก่บ้าน
       ปิดท้ายด้วยเมนูอร่อยอย่าง ไข่พะโล้แบบดั้งเดิม (90 บาท) ที่มีสูตรพิเศษตรงที่ไม่ได้ใส่ซีอิ้วดำ แต่ใช้น้ำตาลมะพร้าวมาเคี่ยวกับกระเทียมพริกไทย จนได้สีน้ำตาลสวยงาม ได้รสชาติกลมกล่อม ไม่หวานจัดเหมือนที่อื่นๆ
      
       อาหารแนะนำจานอื่นๆ ของร้าน อาทิ สลัด DYO (130 บาท) ที่สามารถเลือกส่วนผสมเองได้ น้ำพริกกุ้งแก้วทรงเครื่อง (130 บาท) ไข่เจียวผักหวาน (60 บาท) น้ำชื่นใจ (30 บาท) ที่ดื่มแล้วชื่นใจสมชื่อ แล้วมาปิดท้ายด้วยขนมหวาน ต๋าวงามแต้ๆ (30 บาท) หรือลูกชิดลอยแก้วสีสวย
ไข่พะโล้แบบดั้งเดิม
       ทั้งหมดนี้เป็นความอร่อยท่ามกลางธรรมชาติกลางกรุงที่ “ตระเวนกิน” อยากจะชวนให้บรรดานักกินทั้งหลายมาลองชิมกันดู และพิเศษสำหรับแฟนๆ เพียงแค่บอกกับทางร้านว่ามาจากเว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการ ก็จะได้รับส่วนลดพิเศษทันที