เตือน 6 โรค ที่มากับภัยหนาว

หน้าหนาว

เตือน 6 โรค ที่มากับภัยหนาว พบมากสุดโรคอุจจาระร่วงและปอดบวม (อสมท.)
          นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว  อากาศที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลนี้ หากร่างกายปรับสภาพไม่ทันก็อาจทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ โรคที่เกิดขึ้นในฤดูหนาวมักจะเกิดกับเด็กและผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่  ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม หัด หัดเยอรมัน สุกใส และอุจจาระร่วง สาเหตุ ส่วนใหญ่มาจากเชื้อไวรัสซึ่งชอบอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ จึงขอให้ระมัดระวังดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ และได้ให้กรมควบคุมโรคออกประกาศการป้องกันโรคในฤดูหนาว เพื่อให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในวง กว้าง ในการปฏิบัติตัวไม่ให้เจ็บป่วยดังกล่าว
          นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม หัด หัดเยอรมัน สุกใส เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ทางการไอ จาม โดยเชื้อโรคจะอยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย และอาจติดจากการใช้ภาชนะ และสิ่งของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น สำหรับโรคอุจจาระร่วงในฤดูหนาว มักจะเกิดขึ้นกับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ  ติดต่อโดยการดื่มน้ำหรือกินอาหารที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อนเข้าไป อาการแรกเริ่มอาจคล้ายไข้หวัดก่อนถ่ายเหลว โดยทั่วไปอาการไม่รุนแรง แต่เด็กบางคนอาจขาดน้ำรุนแรง ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล

          สำหรับ การป้องกันโรคอุจจาระร่วงในเด็กเล็ก ควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งสะอาด ปลอดภัย เด็กมีภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ดี ผู้ที่ดูแลเด็กต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนเตรียมอาหารและหลังเข้าห้อง น้ำ ให้เด็กกินอาหารที่สุกใหม่ ๆ และดื่มน้ำต้มสุก โดยให้เด็กที่ป่วยถ่ายอุจจาระลงในภาชนะที่รองรับมิดชิด แล้วนำไปกำจัดในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย
          นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ฤดูหนาว ในปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 - กุมภาพันธ์ 2552 มีผู้ป่วยจากโรคฤดูหนาว 6 โรครวมกันทั่วประเทศ 545,980 ราย เสียชีวิต 353 ราย มากที่สุดร้อยละ 83 เป็นโรคอุจจาระร่วง 455,010 ราย เสียชีวิต 32 ราย รองลงมาคือปอดบวมป่วย 43,247 ราย เสียชีวิต 321 ราย อีก 4 โรคไม่มีผู้เสียชีวิต ได้แก่ โรคสุกใส 39,012 ราย ไข้หวัดใหญ่ 6,113 ราย โรคหัด 2,383 ราย และหัดเยอรมัน 215 ราย


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

http://health.kapook.com/view6748.html