6 วิธีนอนอย่างปลอดภัยในโรงแรม



6 วิธีนอนอย่างปลอดภัยในโรงแรม


6 วิธีนอนอย่างปลอดภัยในโรงแรม (Momypedia)

           หลายคนคงจะได้ทราบข่าวเกี่ยวกับโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่กันมาบ้างแล้วว่ามี นักท่องเที่ยวเสียชีวิตที่โรงแรมแห่งนั้นหลายคน จนถูกขนานนามว่าเป็น "โรงแรมอาถรรพ์" แต่ไม่นานนี้ก็มีข่าวใหม่ออกมาว่าแท้จริงแล้วสาเหตุการเสียชีวิตนั้น เกิดจากการได้รับสารพิษที่มีอยู่ในโรงแรมนั่นเอง

           สาร พิษที่ตรวจพบคือ chloypyrifos ซึ่งเป็นสารชนิดหนึ่งในยาฆ่าแมลงที่ทางโรงแรมใช้ฉีดพ่นเตียงนอนเพื่อกำจัดไร ฝุ่นหรือแมลงบนที่นอน แต่จากการชันสูตรศพผู้เสียชีวิตก็ไม่พบสารพิษใด ๆ ดังนั้นข้อกล่าวอ้างนี้เรายังคงต้องติดตามต่อไปค่ะ แต่นั่นก็ยังทำให้หลาย ๆ คนกังวลอยู่ไม่น้อยหากต้องไปพักตามโรงแรมอื่น ๆ "แล้วโรงแรมที่เราไปพักล่ะ ปลอดภัยจริงหรือเปล่า"

           การจะตรวจสอบสารพิษหรือสารเคมีด้วยตัวเองคงเป็นเรื่องยากค่ะ แต่เราสามารถป้องกันหรือดูแลตัวเองได้ในเบื้องต้นเมื่อต้องไปเข้าพักตาม โรงแรมต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงสารเคมีที่มีอยู่ในห้องพักของเราค่ะ

           1. ตรวจสอบข้อมูลของโรงแรมก่อนเข้าพัก : จริง ๆ แล้วมีการรีวิวโรงแรมหรือที่พักต่าง ๆ ในอินเตอร์เนตให้เราได้เข้าไปอ่านเยอะมาก รวมทั้งความคิดเห็นของผู้ที่ไปใช้บริการมาแล้วจริง ๆ และภาพถ่ายมุมต่าง ๆ ของโรงแรม ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกโรงแรม โดยควรจะเลือกโรมแรมหรือห้องพักที่มีหน้าต่างภายในห้องสามารถเปิดระบายอากาศ ได้ มีพัดลมระบายอากาศ หรือเป็นห้องพักที่มีการห้ามสูบบุหรี่ภายในห้อง ก็จะทำให้เรามั่นใจในเรื่องอากาศที่ถ่ายเท หมุนเวียนตลอดเวลา

           2. รู้อาการแพ้ของตัวเอง : ข้อนี้สำคัญค่ะ เพราะเราอาจจะมีอาการแพ้สารเคมีไม่ เหมือนกัน เช่น บางคนแพ้สเปรย์ปรับอากาศ บางคนแพ้น้ำยาเช็ดทำความสะอาดพื้น หรือบางคนแพ้ไรฝุ่นจากหมอนหรือที่นอน ดังนั้นเพื่อความสบายใจและปลอดภัย ควรสอบถามเจ้าหน้าที่โรงแรมก่อนว่ามีการใช้สารเคมีดังกล่าวในห้องพักบ้างไหม ใช้มากแค่ไหน หรือหากต้องการพักที่โรงแรมนั้นจริง ๆ ก็สามารถขอเป็นกรณีพิเศษได้ค่ะว่าไม่ให้สารเคมีดังกล่าวมในห้องที่จะพัก โรงแรมส่วนใหญ่จะยินดีให้บริการอยู่แล้วค่ะ

           3. พกพายาส่วนตัว : บอก ตรง ๆ ว่าบางครั้งเราก็ไม่สามารถเลี่ยงสารเคมีได้ อาจจะเพราะความไม่รู้ ไม่ตรวจสอบ หรือไม่ระวังตัว ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรพกพายาแก้แพ้ของตัวเองไปด้วย เช่น บางคนจะมีอาการจาม มีน้ำมูกเหมือนเป็นหวัดเมื่อสูดกลิ่นสเปรย์ปรับอากาศเข้าไป ก็ควรจะพกยาแก้แพ้ไปด้วย เพื่อป้องกันหรือบรรเทาอาการที่อาจจะเกิดขึ้นได้

           4. สำรวจทุกซอกมุม : อาจจะทำตัวเหมือนนักสืบคอยจ้องจับผิดไปหน่อย แต่เพื่อความสบายใจและความปลอดภัยในการเข้าพักค่ะ เมื่อเข้าห้องพักแล้ว ให้ลองเดินสำรวจห้องก่อนทั้งในห้องน้ำ ในตู้เสื้อผ้า ใต้โต๊ะ มุมห้อง ซอกเตียง เพราะเป็นไปได้ว่าในจุดเหล่านั้นจะมีสิ่งสกปรกที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ และหากเจอซอกมุมที่มีฝุ่น มีแมลงที่อาจทำให้เราแพ้ ก็สามารถให้ทางโรงแรมจัดเจ้าหน้าที่มาทำความสะอาดอีกครั้งก่อนเข้าพัก หรือหากมีห้องพักอื่นว่างก็สามารถเปลี่ยนห้องได้ค่ะ

           5. ปัด ๆ จัด ๆ ก่อนนอน : อย่า คิดว่าเมื่อเดินเข้าห้องพักแล้วเห็นเตียงจัดไว้สวย ๆ จะดีเสมอไปค่ะ (ต่อให้เป็นโรงแรม 5 ดาวก็เถอะ) เพราะเป็นไปได้เช่นกันว่าบนเตียงนอนหรือแม้แต่ในผ้าห่ม ผ้าปูเตียงเองอาจจะมีไรฝุ่น สิ่งสกปรก หรือแมลงตัวเล็ก ๆ เล็ดลอดเข้ามาแบบคาดไม่ถึง ก่อนขึ้นไปนั่งไปนอนบนเตียงให้ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก ๆ ปัดที่นอนก่อน อย่ากลัวว่าจะไม่มีผ้าผืนเล็กไว้เช็ดหน้าเช็ดผมค่ะ ขอใหม่จากทางโรงแรมได้ค่ะ

           6. อาบน้ำอาบท่า อย่ามัวแต่นอนกลิ้ง : แน่ นอนค่ะว่าหลาย ๆ โรงแรมมีเตียงนอนที่นอนสบายกว่าเตียงที่บ้าน แอร์ก็เย็น บรรยากาศก็ดี แต่ก็อย่าเผลอนอนกลิ้งอยู่เป็นวัน ๆ จนไม่ทำอะไรนะคะ เมื่อตื่นแล้วก็ควรจะอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาด เพื่อกำลังฝุ่นไร หรือสารเคมีที่อาจจะมีอยู่บนที่นอนให้หลุดออกจากผิวหนังของเราค่ะ


           6 วิธีข้างต้นนี้ บางคนมองว่ายุ่งยาก ลำบาก หรือแม้แต่กลัวว่าทางโรงแรมจะไม่ยินยอมให้บริการดังกล่าว เพราะคิดว่าเรื่องมาก แต่อย่างหนึ่งที่อยากบอกให้ทราบไว้ค่ะว่าในแง่มุมของการบริการนั้น สิ่งเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของบริการที่จะทำให้ลูกค้าอย่างเราปลอดภัยและ ประทับจนไปบอกต่อ ซึ่งจะสร้างชื่อเสียงให้กับทางโรงแรมได้เช่นกัน และในแง่ของผู้บริโภคสินค้าและบริการอย่างเรา กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคก็มีมารองรับในเรื่องสินค้าและบริการที่ปลอดภัยอยู่ แล้ว

           คงไม่มี ใครอยากจะเข้าไปพักแบบเสี่ยงว่าจะได้รับอันตรายจากสารเคมีหรือสิ่งที่ก่อให้ เกิดอาการแพ้หรอก จริงไหมคะ... ครั้งต่อไปที่ต้องไปพักในโรงแรม อย่าลืมลองนำไปทำกับดูนะคะ



http://health.kapook.com/view26120.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก