สมองฝ่อ


สมองฝ่อ

สมองฝ่อ (หมอชาวบ้าน)

          สมอง เป็นอวัยวะของร่างกายที่ทุกคนมักจะให้ความสำคัญในลำดับต้น ๆ โรคที่เกี่ยวกับสมองมีมากมาย ล้วนแล้วแต่สร้างความกลัวและวิตกกังวลอย่างมากแก่ผู้ป่วย หรือแม้แต่คนปกติเองที่สงสัยว่าอาจมีอาการทางสมอง

          ยิ่งในปัจจุบันเราให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกันมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพียงแต่ต้องหาแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง มีสติในการรับรู้ข่าวสาร และอย่าวิตกกังวลจนเกินเหตุ

          ความ เสื่อมของร่างกายนั้นเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยชรา ไม่เพียงแต่สมองเท่านั้นที่เสื่อมลงอวัยวะอื่นๆ ก็เสื่อมด้วย เช่น ผิวหนังเหี่ยวย่น ผมหงอก ผมร่วง ฟันโยก คลอน ตาฝ้าฟาง หูตึง เป็นต้น คนแก่บางคนไปตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แล้วผลออกมาว่ามี "สมองฝ่อ" ตอนนี้ใจเลยฝ่อตาม กลัวไปสารพัด หมอจะรักษาอย่างไรก็เอาหมด

          อยาก ให้ทำความเข้าใจว่า "สมองฝ่อ" นั้น หมายถึงการที่เนื้อสมองสูญหายไปจำนวนหนึ่ง มักเกิดกับคนชรา ที่จริงแล้วไม่ใช่โรคแต่เป็นความเสื่อมที่เกิดขึ้นตามวัย คนแก่บางคนอายุมากแล้วสมองยังไม่ฝ่อก็มี

          ส่วนกรณีที่เกิดสมองฝ่อแล้วไม่มีอาการอะไรก็ไม่ต้องไปวิตกกังวล ยกเว้นว่าจะมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย เช่น ความจำเสื่อม หลงลืม เชาวน์ปัญญาลดลง อารมณ์และพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงเป็นอัมพฤกษ์หรืออัมพาต ช่วยเหลือตนเองได้น้อยลงเหมือนถอยหลังกลับไปเป็นเด็ก อย่าง นี้ถึงจะจัดว่าเป็นโรคทางสมอง ต้องไปหาหมอ ซึ่งสาเหตุก็มีหลายอย่างแต่ที่พบบ่อยที่สุดคือ "โรคอัลไซเมอร์" ดังนั้น อย่าสับสนเพราะ "ความจำเสื่อม" กับ "สมองฝ่อ" มันคนละเรื่องกัน

          โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะมีการเสื่อมของเซลล์สมอง ผู้ป่วยจะมีอาการหลงลืม ความจำเสื่อม อารมณ์และพฤติกรรมแปลก ๆ มีปัญหาในเรื่องการใช้ภาษา สติปัญญาและทักษะต่าง ๆ ลดลง สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยสนับสนุน (เช่น กรรมพันธุ์) รวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากการดำรงชีวิต (ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สารพิษ การติดเชื้อ "สมองฝ่อ หมายถึง การที่เนื้อสมองสูญหายไปจำนวนหนึ่งมักเกิดกับคนชรา" เป็นต้น

          ส่วน อาการ "ขี้หลงขี้ลืม" นั้น ต้องแยกแยะให้ดี เพราะเกิดขึ้นกับคนแก่เกือบทุกคนหรือแม้แต่วัยกลางคน (บางคน) ส่วนมากมักไม่ใช่โรคอัลไซเมอร์ แต่เป็นเรื่องปกติของคนที่มีเรื่อง ราวสะสมในหัวมาก เมื่อเรื่องมากก็ต้องลืมง่ายเป็นธรรมดา โดยเฉพาะคนแก่มักลืมเหตุการณ์ใหม่ ๆ แต่ไม่ยอมลืมความหลังครั้งเก่าอย่างที่มักพูดกันว่า "คนแก่ชอบคุยกันถึงอดีต" ซึ่งอาการขี้ลืมนี้จะยังไม่มากถึงขั้น "หลงลืม" จน ทำให้คนอื่นผิดสังเกต เช่น กินข้าวแล้วแต่บอกว่ายังไม่ได้กิน สติปัญญาลดลงจนผิดสังเกต รวมทั้งมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น

          ความเสื่อมตามธรรมชาตินั้นเราไม่สามารถที่จะหยุดยั้งไว้ได้ แต่ก็ยังมีคนพยายามหาวิธีที่จะมาชะลอความเสื่อมตามวัย บางอย่างก็ได้ผล บางอย่างก็สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ การจะใช้ยาอะไรต้องไม่ลืมว่าคนแก่นั้นก็เหมือนรถเก่า ย่อมมีความเสื่อมอยู่หลายที่ ไม่สบายหลายอย่าง บางอย่างก็ไม่ใช่โรค และบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องรักษาเพราะไม่คุ้มเสี่ยง ดังนั้นต้องพิจารณาให้ดีถึงข้อดีข้อเสียอย่างรอบคอบ

          สำหรับ วิธีการชะลอความเสื่อมที่เป็นที่ยอมรับ และได้ผลดีตามวิถีธรรมชาติ ก็คือหลัก 5 อ ได้แก่ อาหารดี อากาศดี ออกกำลังกายดี อุจจาระ (ขับถ่ายดี) และ อารมณ์ (จิตใจ) ดี หลายคนก็รู้ดีแต่ปฏิบัติไม่ค่อยได้

          ปัจจุบันกระแสของการแพทย์เพื่อชะลอวัยกำลังมาแรง คนไทยสนใจกันมากขึ้น ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่การเสริมสวยหรือศัลยกรรมเพื่อความงาม แต่ยังหมายถึงการใส่ใจดูแลสุขภาพ การตรวจเช็กความผิดปกติของร่างกาย การดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมตามหลัก 5 อ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและลดความเสี่ยงที่จะทำให้ร่างกายทรุดโทรม เป็นต้น

          ถ้ากระแสการดูแลสุขภาพจากภายในนี้มาแรงจริง อีกหน่อยเราคงได้เห็นคนไทยส่วนใหญ่อายุยืน แข็งแรงและดูอ่อนกว่าวัยกันถ้วนหน้า



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://health.kapook.com/view6247.html