เตรียมอาหารปลอดภัยรับตรุษจีน

วันตรุษจีน เทศกาลตรุษจีน


เตรียมอาหารปลอดภัยรับตรุษจีน (สสส.)
เรื่องโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

          "ซิ นเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้" ประโยคคุ้นหูที่เรามักได้ยินในช่วง "เทศกาลตรุษจีน" วันสำคัญของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน ที่เป็นเสมือนวันขึ้นปีใหม่ของจีนนั่นเอง โดยปีนี้ตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554 โดยจะมีพิธีกรรมเซ่นไหว้บรรพบุรุษผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ด้วยอาหารคาวหวานนานับชนิด และหลังจากไหว้บรรพบุรุษแล้ว อาหารเหล่านั้นก็จะถูกรับประทานกันในเครือญาติ ดังนั้นการคัดเลือกวัตถุดิบในการปรุงอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ

          เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสง่า ดามาพงศ์ ผู้จัดการโภชนาการสมวัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้กล่าวกับเราว่า ใน ช่วงเทศกาลตรุษจีน หลายบ้านจะมีการไหว้บรรพบุรุษ ด้วยอาหารคาวหวาน ผัก-ผลไม้มากมาย แต่พึงระวังไว้สักนิดว่าอาหารที่นำมาปรุงนั้น ถูกหลักโภชนาการและปลอดภัยหรือไม่ เพราะอาหารเหล่านั้นอาจมีทั้งยาฆ่าแมลง และสารเคมีอื่น ๆ ที่ปนเปื้อน ถ้าเข้าสู่ร่างกายเราคงเป็นเรื่องที่ไม่ดีเป็นแน่

          "ในการไหว้บรรพบุรุษนั้น ส่วนใหญ่ก็จะใช้ผักไม่กี่ชนิด ซึ่งเราก็มีวิธีการในเลือกผักให้ปลอดภัย โดยดูที่ใบ ต้องไม่มีคราบดินหรือคราบขาวของสารพิษกำจัดศัตรูพืช หรือเชื้อราตามใบ และผักก็ควรมีรูพรุนเป็นรอยกัดแทะของหนอนแมลงอยู่บ้างเล็กน้อย เพราะผักลักษณะเช่นนี้จะมีคุณค่าทางโภชนาการเหลืออยู่มาก และถ้าเป็นไปได้ควรเลือกซื้อผักที่ปลอดสารพิษ หรือพวกผักเกษตรอินทรีย์น่าจะดีที่สุด" อ.สง่ากล่าว

          ส่วนในขั้นตอนก่อนการปรุงนั้น เราควรล้างผักด้วยน้ำสะอาด 2- 3 ครั้ง และควรแยกผักใบและผักหัวออกจากกันเวลาล้าง โดยผักหัวควรล้างด้วยน้ำเกลือประมาณ 5-7 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง เพื่อล้างยาฆ่าแมลงที่สะสมอยู่ด้านในออกบางส่วน เพราะความร้อนไม่สามารถล้างยาฆ่าแมลงออกได้ เมื่อเรารับประทานเข้าไป จะเกิดการสะสมและอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง และอาหารเป็นพิษตามมาได้

          "ผัก ประเภทหัวก็เช่นกัน อย่างกะหล่ำปี ก็ควรเอาเปลือกข้างนอกออก และพยายามล้างให้ถึงแกนด้านใน เพราะยาฆ่าแมลงจะตกค้างอยู่ภายใน รวมถึงแตงกวา ถั่ว ก็ควรแช่น้ำเกลือ หรือไม่ก็ใช้ด่างทับทิมล้างก่อน แล้วจึงล้างด้วยน้ำสะอาดอีกรอบ ที่สำคัญผักทุกชนิดเราควรล้างก่อนที่จะนำมาหั่น เพื่อไม่ใช้น้ำชะล้างคุณค่าทางโภชนาการออกหมด"

วันตรุษจีน เทศกาลตรุษจีน

          ในส่วนของวิธีการ ปรุงนั้น ผักทุกชนิดเราไม่ควรต้มจนเละ เพราะนั่นจะทำให้ผักที่เรารับประทานเข้าไปมีคุณค่าทางโภชนาการน้อย รับประทานสด ๆ น่าจะดีที่สุด

          ผลไม้ก็เช่นกัน ควรเลือกร้านที่เราไว้ใจได้ ผลมันต้องสด ๆ และเลือกผลที่ไม่ช้ำ บางรายคัดแต่ลูกใหญ่ ๆ เพราะคิดว่าจะได้คุณค่าทางโชนาการมากกว่าลูกเล็ก ๆ ซึ่งความเป็นจริงแล้วก็ได้คุณค่าในปริมาณที่เท่ากันทั้งหมด

          "ผลไม้ที่ประชาชนใช้ไหว้บรรพบุรุษนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นส้ม แก้วมังกร แอปเปิ้ล หรือส้มโอ ซึ่งก็ควรเลือกแบบสด ๆ ผลไม่มีรอยช้ำ และควรล้างก่อนรับประทาน เพราะยาฆ่าแมลงมักจะสะสมอยู่บริเวณผิวเปลือก เมื่อเราใช้มือแกะส้ม ยาฆ่าแมลงนั่นก็จะมาติดที่มือเรา และเราก็หยิบเข้าปากรับประทาน ซึ่งนั่นอันตรายมาก" อ.สง่า กล่าว

          ที นี้มาถึงคราวของคาวอย่างการเลือกเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่ เราควรเลือกที่เนื้อไม่ซีด ไม่เหี่ยว เปลือกตาสด เนื้อต้องไม่มีรอยเลือดที่แห้งกรัง กลิ่นต้องไม่เหม็นเน่า เนื้อหมู ก็ต้องสีแดงสด แต่พึงระวัง เพราะปัจจุบันพ่อค้าแม่ค้ามักใช้ไฟสีแดงในการหลอกผู้บริโภคว่า หมูนั้นเนื้อแดง อีกทั้งเราควรเลือกร้านที่เราไว้ใจได้และซื้อประจำ เพราะจากการออกสำรวจของกระทรวงสาธารณสุข ยังคงพบร้านที่ใช้สารเร่งเนื้อ แดงอยู่จำนวนมาก และใช้นิ้วกดเนื้อหมูลงไป ถ้าเนื้อหมูบุ๋มลงไปโดยไม่กลับคืนมา แสดงว่าเนื้อหมูนั้นเก่าไม่ควรซื้อ ที่สำคัญอย่าเลือกหมูที่ติดมันมากนักเพราะการบริโภคมันหมูมาก ๆ ไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน

          "ใน ส่วนของการปรุงเนื้อสัตว์ทุกชนิดให้เน้นที่ปรุงให้สุกไว้ก่อน ถ้าจำเป็นต้องมีหมู 3 ชั้นในการประกอบอาหารก็ควรเจียวมันให้ออกไปบ้าง เพราะหากบริโภคมาก ๆ จะส่งผลให้แคลอรี่ในร่างกายเพิ่มก่อให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้" อ.สง่า บอก

          นอกจากนี้ ในระหว่างที่ประกอบพิธีไหว้บรรพบุรุษนั้น บางบ้านก็ปล่อยของไหว้ทิ้งไว้โดยไม่มีอะไรปิดให้มิดชิด หรือวางกับพื้น ทำให้มีแมลงวันตัวพาหะนำเชื้อโรคมาตอม และเราก็นำมารับประทานกันโดยไม่รู้ จึงอยากขอเตือนให้มีการอุ่นหรือปรุงใหม่ก่อนนำมารับประทาน เพราะนั่นเสี่ยงต่อโรคทางเดินอาหาร และโรคอุจจาระร่วงได้เช่นกัน

          อ.สง่า ทิ้งท้ายไว้ว่า อาหารที่ใช้ไหว้บรรพบุรุษส่วนใหญ่จะเป็นแบบผัด ๆ ทอด ๆ ก่อนรับประทานจงพึงระวังสักนิด เพราะอาจทำให้คุณเข้าสู่ภาวะโรคอ้วนได้ ทางที่ดีควรหันมารับประทาน อาหารประเภทต้มน่าจะดีกว่า เช่น ต้มจับฉ่าย เป็นต้น อีกทั้งอาหารที่ใช้ไหว้ส่วนใหญ่ จะเน้นไปในทางรสชาติเค็มเราก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะรสเค็มจะทำให้เลือดข้น ก่อให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพเราได้ทั้งสิ้น...

          ถึงแม้เทศกาลตรุษจีนจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่เราก็ควรจะใส่ใจสุขภาพของตนเองอยู่ทุกเวลา เพราะการมีสุขภาพดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้เราต้องทำเอง...


cre
dit link http://health.kapook.com/view21160.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก