แฉ! องค์การเภสัชฯ เลหลัง “เลนส์แก้วตา” เสื่อมคุณภาพ

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 กรกฎาคม 2554 09:54 น.
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
       จี้รัฐบาลใหม่ตรวจสอบ องค์การเภสัชฯ กรณีเลหลัง “เลนส์แก้วตาเทียม” ใกล้หมดอายุ แถมยัดเยียดขายเตียงคนไข้คุณภาพต่ำนำเข้าจากนอก วอนว่าที่ รมว.สธ.เร่งสะสาง
      
       นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ หัว หน้าหน่วยประสานงานสื่อมวลชนเครือข่ายคุ้มครองประชาชนด้านสาธารณสุข (คบส.) เปิดเผยว่า ในโอกาสที่ไทยกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมการจัดตั้งรัฐบาลใหม่นั้น ในฐานะเครือข่ายคุ้มครองประชาชนด้านสาธารณสุข ขอเรียกร้องให้บุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจแห่งเดียวของกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะการจัดซื้อเลนส์แก้วตาเทียมและเตียงคนไข้ในโรงพยาบาลมาจำหน่ายให้ กับโรงพยาบาลในสังกัด สธ.แต่ไม่สามารถจำหน่ายได้เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพต่ำ
      
       นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของเลนส์แก้วตาเทียมนั้น องค์การเภสัชกรรม ได้สั่งการให้มีการจัดซื้อจากประเทศอินเดีย ในราคาต้นทุนไม่ถึง 200 บาทต่อเลนส์ และพยายามที่จะเสนอขายให้กับ รพ.ในสังกัด สธ.แต่ไม่มีจักษุแพทย์คนใดอยากใช้เลนส์ดังกล่าว เนื่องจากเป็นเลนส์ที่มีความแข็ง เสี่ยงต่อการระคายเคืองและติดเชื้อได้ง่าย ทำให้มีเลนส์ค้างอยู่ในสต๊อกขององค์การเภสัชกรรมเป็นจำนวนมาก ต่อมาได้มีความพยายามจะนำเลนส์ดังกล่าวไปขายให้กับประเทศลาว แต่ปรากฏว่า โรงพยาบาลในประเทศลาวเองก็ไม่ซื้อ เพราะหมอลาวส่วนใหญ่เคยมาเรียนต่อและฝึกปฏิบัติงานในเมืองไทย รู้ว่าเลนส์ดังกล่าวไม่มีคุณภาพจริงๆ องค์การเภสัชกรรมจึงเปลี่ยนแนวทางใหม่เป็นการเสนอบริจาคให้เป็นการกุศล ทางลาวก็ไม่รับอีก โดยระบุว่า เลนส์ดังกล่าวไม่มีคุณภาพเพียงพอ และล่าสุด เมื่อเลนส์แก้วตาเทียมใกล้หมดอายุทาง อภ.ได้นำไปเสนอขายให้กับโรงพยาบาลในสังกัด สธ.แห่งหนึ่ง ในราคาเลนส์ละ 30 บาท เพื่อไม่ให้ถูกตรวจสอบจากรัฐบาลใหม่
      
       “เท่าที่ทราบมีความพยายามที่ จะนำเลนส์ดังกล่าวไปใช้ในโครงการการกุศลผ่าตัดดวงตา 84,000 ดวง ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ซึ่งการกระทำนี้อาจส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยอย่างมาก” นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวและว่า นอกจากนี้่ ยังมีการสั่งสินค้าเป็นเตียงนอนของผู้ป่วยที่นำเข้าจากประเทศจีน และขายไม่ออก เพราะไม่มีคุณภาพ หลายโรงพยาบาลซื้อไปแล้ว ก็บ่นว่าน้อตหลุดบ้าง สปริงไม่ดีบ้าง เหล็กมีการคดงอบ้าง พอขอร้องให้ อภ.ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายมาซ่องแซม เปลี่ยนอะไหล่ให้ ก็ได้รับคำตอบว่า บริษัทที่เป็นเจ้าของนำเข้ามาขายให้ปิดบริษัทไปแล้ว จึงส่งผลให้มีสินค้าดังกล่าวค้างสต๊อกจำนวนมาก” นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าว
       
       นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่และสำนักงาตรวจเงินแผ่นดิน เข้ามาตรวจสอบการทำงานของ อภ.ในกรณีนำเข้าสินค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพมาใช้ ซึ่งอาจส่งผลต่อภายพลักษณ์ของหน่วยงานอย่างมาก
credit http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000084673