ระวัง!! ตาบอดจาก โรคเบาหวาน



ดวงตา

ระวัง!!ตาบอดจากโรคเบาหวาน (ธรรมลีลา)
โดย : รศ.นพ.อภิชาติ  สิงคาลวณิช

            โรคเบาหวานทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางตาเกิดอาการตามัว จนกระทั่งถึงตาบอดได้!!...

          โรคเบาหวานเป็นโรคที่เกิดจากมีความผิดปกติของระดับฮอร์โมนอินสุลิน ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดโดยผู้ป่วยจะมีระดับฮอร์โมนอินสุลินต่ำทำให้ ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น มีน้ำตาลออกมากับปัสสาวะ อาการเริ่มแรกที่ปรากฏคือปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำอ่อนเพลีย เมื่อเป็นโรคนานขึ้น  จะมีการชาตามปลายมือ ปลายเท้า มีการเปลี่ยนแปลงในหลอดเลือดตามอวัยวะต่าง ๆ ผนังหลอดเลือดจะหนาตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หัวใจ ไต และตา

          การตรวจที่ทำให้ทราบว่าเป็นเบาหวานคือ ตรวจพบมีน้ำตาลในปัสสาวะและการตรวจเลือดพบมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ

สาเหตุของตามัวและตาบอดในโรคเบาหวาน

          โรคเบาหวานทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางตา เกิดอาการตามัว จนกระทั่งถึงตาบอดได้ ถ้าเป็นโรคนานหลายปี อาการตามัวจากเบาหวานเกิดได้ดังนี้

  ตามัวขณะที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง

          ผู้ป่วยเบาหวานอาจมีอาการตามัวในขณะที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากเลนส์ตาเกิดการบวมน้ำ เวลามองภาพไม่สามารถปรับโฟกัสภาพให้เห็นชัดได้ลักษณะที่เกิดเหมือนกับคนที่ มีสายตาสั้น อาการเหล่านี้เกิดเพียงชั่วคราว เมื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติระดับสายตาจะกลับดีขึ้นได้

  ตามัวเนื่องจากเป็นต้อกระจก

          ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานนาน ๆ เลนส์ตาที่ใสจะขุ่น ที่เราเรียกว่าต้อกระจก เกิดเนื่องจากน้ำตาลในเลือดมีการเปลี่ยนแปลงเป็นสารซอบิตอล และฟรุคโตส ซึ่งสารเหล่านี้จะสะสมที่เลนส์ตา ทำให้เลนส์ตาขุ่นบังแสงมิให้เข้าสู่นัยน์ตา วิธีรักษาคือ เมื่อต้อกระจกขุ่นมาก ทำการผ่าตัดเอาเลนส์ที่ขุ่นออก และให้ผู้ป่วยใส่แว่น

  ตามัวเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงที่จอประสาทตา

          สาเหตุเกิดจากจุดรับภาพที่จอประสาทตาบวม มีเลือดออกภายในลูกตาดำ เกิดเยื่อพังผืดดึงรั้งให้จอประสาทตาลอก จอ ประสาทตาของคนปกติ ประกอบด้วยเส้นเลือดจำนวนมากแผ่เป็นร่างแหเลี้ยงเซลล์ประสาทตา การรับรู้ภาพเกิดโดยแสงจากวัตถุ ผ่านตาดำและเลนส์ตาหักเหรวมแสงให้ภาพตกที่จอประสาทตาและการรับรู้ถ่ายทอดจาก จอประสาทตาผ่านตามเส้นประสาทจากนัยน์ตาไปยังสมอง

          ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมานาน จอประสาทตามีการเปลี่ยนแปลง โดยในระยะแรกหลอดเลือดฝอยที่ประสาทตา มีการโป่งพอง และอาจแตกเห็นเป็นจุดเลือดออกเล็ก ๆ อาจพบไขมันออกจากผนังหลอดเลือดไขมันเหล่านี้ถ้ารวมอยู่บริเวณจุดรับภาพ จะทำให้ตามัว มองภาพไม่ชัด

          ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมานานเป็นสิบ ๆ ปี จอประสาทตาส่วนที่ขาดเลือดจะถูกกระตุ้นให้เกิดเส้นเลือดขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีผนังเปราะและแตกออกง่าย ในระยะที่มีเส้นเลือดผิดปกติเกิดขึ้นนี้อันตรายมาก เพราะเส้นเลือดแตกง่าย ทำให้เลือดออกภายในลูกตาและตามัวลงทันที นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจมีเนื้อเยื่อคล้ายพังผืดงอกตามเส้นเลือดและดึงรั้งให้ ชั้นของประสาทตาลอก ทำให้ตาบอดได้

          การเปลี่ยนแปลงที่ชั้นประสาทตาเหล่านี้ พบว่าสัมพันธ์กับระยะเวลาที่เป็นเบาหวาน ถ้าเป็นเบาหวานมานาน 15 ปี โอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลงที่จอประสาทตามี 50-60 เปอร์เซ็นต์ และเกิดตาบอดได้ 1-2 เปอร์เซ็นต์

  ตามัวจากต้อหิน

          ผู้ป่วยเบาหวานพบเป็นต้อหินได้ เนื่องจากเกิดเส้นเลือดที่ผิดปกติที่บริเวณม่านตา (เป็นส่วนตาดำที่มองเห็น) เส้นเลือดเหล่านี้จะอุดทางเดินของน้ำภายในลูกตาทำให้ความดันตาสูง ผู้ป่วยมีอาการปวดตา ตามัวและเมื่อเป็นนานเข้าความดันจะกดให้ประสาทตาฝ่อและตามบอดได้

การป้องกันมิให้สายตาเสื่อมลง

  ตรวจสุขภาพตาเป็นระยะ ๆ

          ผู้ป่วยเบาหวาน ควรได้รับการตรวจสายตา และจอประสาทตาโดยแพทย์การเปลี่ยนแปลงที่ตรวจพบได้ในระยะแรกคือการโป่งพองของ เส้นเลือดฝอยที่จอประสาทตา สิ่งสำคัญที่บอกถึงการพยากรณ์โรค และอัตราเสี่ยงต่อการเกิดตาบอดในภายหลังก็คือ การพบเส้นเลือดที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งเห็นได้โดยการใช้กล้องตรวจดูประสาทตา หรือฉีดสีเข้าเส้นเลือด และถ่ายภาพดูเส้นเลือดที่ประสาทตา

  ควบคุมระดับน้ำตาลให้ใกล้เคียงปกติ

          ถึง แม้ในปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการควบคุมระดับน้ำตาลจะช่วยยับยั้งการ เปลี่ยนแปลงของประสาทตามิให้เลวลง ได้ผลจริงหรือไม่ แต่การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ก็สามารถลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ของโรค จึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง

  การจี้ด้วยแสงเลเซอร์

          แสงเลเซอร์ เป็นสิ่งที่มีความยาวของคลื่นแสงขนาดเดียวกัน สามารถปรับให้ลำแสงมีขนาดเล็กมาก แสงนี้สามารถผ่านตาดำ เลนส์ตา และเมื่อกระทบกับประสาทตา จะถูกเปลี่ยนพลังงานจากพลังงานแสงเป็นพลังงานความร้อน

          การใช้แสงเลเซอร์จี้ที่ประสาทตา ทำให้ส่วนของจอประสาทตาที่ขาดเลือดต้องการออกซิเจนลดลง เป็นการป้องกันมิให้เกิดเส้นเลือดใหม่ที่ผิดปกติ นอกจากนี้แสงเลเซอร์ยังใช้จี้เส้นเลือดที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้ว ให้ฝ่อไปได้

          สรุป ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมีผลแทรกซ้อนอันสำคัญทางจักษุ ที่ทำให้ตาบอดก็คือ เกิดการเปลี่ยนแปลงในชั้นของประสาทตา เกิดต้อกระจก และต้อหิน การป้องกันมิให้สายตาเลวลง คือตรวจสุขภาพตาเป็นระยะ ๆ เมื่อพบการเปลี่ยนแปลงที่ประสาทตามากขึ้น การรักษาโดยใช้แสงเลเซอร์จะช่วยป้องกันมิให้สายตาเลวลง
         

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://health.kapook.com/view4850.html