ริดสีดวงทวารทรมานจริง ๆ !!!



ริดสีดวง


ริดสีดวงทวารทรมานจริง ๆ !!! (ธรรมลีลา)


          หลาย ท่านคงเคยได้ยินมาว่า ถ้าหากระบบขับถ่ายดีย่อมหมายถึงการสุขภาพดี ผิวพรรณสดใสตามไปด้วย แต่อุปสรรคสำคัญในการขับถ่ายที่เรารู้จักกันดี นั่นคือ โรคริดสีดวงทวารหนัก ซึ่งเป็นอาการผิดปกติของกลุ่มหลอดเลือด รอบรูทวารหนัก ที่เกิดจากการถูกรัดด้วยพังผืดที่ยึดติดกับกล้ามเนื้อหูรูดบริเวณลำไส้ตรง ส่งผลให้เกิดก้อนที่รูทวารหนักโป่งพองยืดออกมาและโตขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อเบ่งถ่ายความดันในช่องท้องจะเพิ่มปริมาณมากกว่าปกติ ทำให้อุจจาระเสียดสีกับกลุ่มหลอดเลือดที่โป่งพองขึ้นจนฉีกขาด ทำให้มีเลือดซึมซาบอุจจาระที่ขับออกมา

         โดยทั่วไปผู้ป่วยจะไม่สามารถคลำพบก้อนดังกล่าวได้ในระยะแรก แต่ในระยะต่อมาจะคลำพบติ่งหรือก้อนที่โผล่ออกมาจากรูก้น โดยทั่วไปจะพบผู้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวารหนักในช่วงอายุระหว่าง 45-65 ปี แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ที่มีอายุไม่เกิน 20 ปี จะไม่เป็นโรคนี้เพราะพังผืดที่ยึดคลุมกลุ่มหลอดเลือดยังแข็งแรงอยู่

ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร

          1.  พันธุกรรม

          2.  อาชีพ ผู้ที่มีอาชีพที่ต้องยืนนาน ๆ จะมีผลให้ความดันเลือดในหลอดเลือดดำบริเวณปากทวารไหลกลับสู่หลอดเลือดดำใน ช่องท้องช้าลง โดยทั่วไปหลอดเลือดดำมีลิ้นเพื่อให้เลือดดำไหลกลับได้ทางเดียว แต่เมื่อการไหลของเลือดดำช้าลง ประกอบกับมีความดันในช่องท้องสูง จึงเกิดกาารคั่งของหลอดเลือดดำบริเวณกลุ่มหลอดเลือดปากรูทวารหนัก ส่งผลให้กลุ่มหลอดเลือดดำโป่งพองจนเกิดอาการของโรคริดสีดวงทวาร

          3. เกิดจากโรคแทรกซ้อนของโรคอื่น ๆ เช่น โรคตับแข็ง หรือโรคตับอักเสบ ไวรัสบี ซึ่งจะมีอาการท้องมานในระยะสุดท้าย และเมื่อมีน้ำในช่องท้องมาก ๆ จะส่งผลใหกิดการไหลเวียนเลือดในช่องท้อง เป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดดำไหลกลับเข้าช่องท้องได้ไม่ดีนัก

อาการน่าสงสัยเมื่อเป็นริดสีดวงทวาร


          เมื่ออุจจาระพบว่ามีเลือดสด ๆ ไหลออกมาด้วย คลำพบก้อนที่รูทวารหนัก เป็นแบ่งออกเป็น 4 ระยะ

          ระยะที่ 1 พบก้อนข้างในรูทวารหนัก สามารถรักษาได้โดยการดื่มน้ำมาก ๆ รับประทานผักสด ผลไม้สดเป็นประจำ หมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอและบ้างครั้งอาจใช้ยาเหน็บหรือยาถ่ายอุจจาระเป็น ครั้งคราว

          ระยะที่ 2 คลำพบก้อนที่รูทวารหนักเป็นบางครั้งและจะกลับเข้าไปด้านในได้เอง

          ระยะที่ 3 พบก้อนโผล่พ้นรูทวารหนักออกมา และสามารถใช้นิ้วดันกลับเข้าไปได้ เพราะก้อนยังไม่แข็ง

          ระยะที่ 4 พบ ก้อนยื่นออกมา และใช้นิ้วดันกลับเข้าไปไม่ได้ เพราะนอกจากลุ่มหลอดเลือดดำที่โผล่ออกมาดันพังผืดจนโป่งพองและบางแล้ว ยังถูกกล้ามเนื้อหูรูดปากทวารหนักรัดเอาไว้จนเลือดไหลเวียนไม่ได้ทำให้เกิด การแข็งตัวเป็นลิ่มเลือดขังอยู่ข้างใน ส่งผลให้เจ็บปวดอย่างรุนแรง ซึ่งแพทย์จะวินิฉัยให้ทำการผ่าตัด
การรักษาโรคริดสีดวงทวารหนัก
          จะมีแนวทางรักษาไปตามระยะของโรค ดังนี้

          ระยะที่ 1 ใช้ยาเหน็บทางทวารหนักเพื่อลดการบวมการอักเสบ ยาระบายเพื่อให้อุจจาระนิ่มลง แนะนำให้ดื่มน้ำ 6-8 แก้วต่อวัน รับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ

          ระยะที่ 2 รักษาแบบเดียวกับระยะที่ 1 บางรายอาจใช้ยางรัดหัวริดสีดวงทวารหนัก

          ระยะที่ 3 รักษาแบบเดียวกับระยะที่ 2 บางรายอาจใช้การผ่าตัดรักษา

          ระยะที่ 4 มักลงเอยด้วยการผ่าตัดรักษาร่วมกับการรักษาแบบเดียวกับระยะที่ 1

ปฏิบัติตัวอย่างไรจึงจะห่างไกลริดสีดวงทวาร

          รับประทานอาหารที่มีกาก (Fiber Food) เช่น ผักสด ผลไม้สด เพราะผักและผลไม้จะไม่สามารถย่อยสลายได้หมด และสามารถดูดน้ำกลับจากลำไส้ ส่งผลให้กากอุจจาระมีลักษณะนุ่มและอุ้มน้ำอยู่ภายใน และเมื่อถ่ายอุจจาระจะทำให้ไม่ต้องออกแรงเบ่งมาก

          ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะเมื่อร่างกายเคลื่อนไหว ลำไส้ก็จะมีการเคลื่อนไหวและไปบีบให้อุจจาระมีการเคลื่อนตัวทำให้ขับถ่ายสบาย

          ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพื่อให้อุจจาระมีน้ำอุ้มอยู่ ส่งผลให้กากอุจจาระนุ่ม โดยทั่วไปการที่ร่างกายได้รับน้ำในปริมาณที่น้อยกว่าความต้องการจะทำให้เกิด ผลเสียต่อร่างกาย เพราะโดยปกติร่างกายจะมีปริมาณน้ำในลำตัวคงที่ เมื่อเราดื่มน้ำน้อย ลำไส้ต้องทำหน้าที่ดูดน้ำกลับจากกากอาหารที่เคลื่อนที่ผ่านไป เมื่อเข้าสูระบบการไหลเวียนของเลือด ซึ่งเป็นการรักษาสมดุลของน้ำในร่างกายตลอดเวลา และย่อมส่งผลต่อการแข็งตัวของอุจจาระอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

          เมื่อเราทำความรู้จักกับโรคริดสีดวงทวารหนัก รวมถึงทราบว่าที่มาของโรคเป็นอย่างไรแล้ว จึงไม่ยากที่จะหลีกเลี่ยง เพราะเพียงท่านมีนิสัยในการรับประทานอาหารที่เหมาะสมดูแลรักษาตัวเองให้แข็ง แรงอยู่เสมอด้วยการออกกำลังกาย ท่านย่อมห่างไกลริดสีดวงทวารอย่างแน่นอน


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://health.kapook.com/view4767.html