Hematidrosis โรคเหงื่อออกเป็นเลือด




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          หลัง จากมีข่าวว่า น้องแตม ด.ญ.มันธนันท์ อรุณจันทร์ภักดี วัย 11 ขวบ ป่วยเป็นโรคประหลาด มีเลือดไหลออกทางจมูก ตา ปาก จนทำให้หมดสติไปนั้น ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลศิริราชได้วินิจฉัยว่า จากอาการที่เกิดขึ้น อาจเป็นอาการของโรคเหงื่อออกเป็นเลือด หรือ โรค Hematidrosis วันนี้เราจึงมีเรื่องราวของโรคนี้มาบอกต่อกันค่ะ
          โรคภาวะที่คนไข้เหงื่อออกเป็นเลือด หรือศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า ฮีมาทิดรอซิส "Hematidrosis" หรือ "Hematohidrosis" นั้น ผู้ป่วยจะมีเลือดออกที่บริเวณผิวหนัง รวมถึงเยื่อบุอวัยวะอื่นๆ ซึ่งเคยพบผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายๆ กันนี้ ทั่วโลก 66 ราย ทั้งในประเทศบราซิลที่พบ 4 ราย ประเทศจีน ประเทศในแถบทวีปยุโรป ฯลฯ  โดยกรณีของน้องแตม ถือเป็นรายที่ 67 ของโลก
          โดยในประเทศไทย เคยพบผู้ป่วย โรคเหงื่ออกเป็นเลือด 1 ราย ซึ่งได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อ 2 ปีก่อน คือ เด็กหญิงอายุ 14 ปี ปัจจุบันอายุ 16 ปี เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรี โดยมีอาการเลือดไหลออกมาจากผิวหนัง ฝ่ามือ หนังศีรษะ ตา ปาก ฟัน โดยเลือดจะไหลออกเป็นพักๆ และจะเกิดความรู้สึกร้อนบริเวณต่างๆ ที่เลือดไหล ซึ่งแพทย์ได้ตรวจร่างกายอย่างละเอียด ก็ไม่พบความผิดปกติในระบบใด และหลังจากแพทย์ได้ให้ยารักษา อาการของผู้ป่วยก็ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีเลือดออกอีกเลย

          ทั้งนี้ โรคเหงื่ออกเป็นเลือด มักพบในผู้ป่วยที่มีอาการเครียดอย่างรุนแรง ทำให้เส้นเลือดฝอยรอบๆ ต่อมเหงื่อ เกิดความเปราะบาง ปริแตก และหากเลือดไหลออกมามาก ก็อาจถึงกับช็อกหมดสติได้
          อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันว่า โรคเหงื่อออกเป็นเลือด ไม่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม และส่วนใหญ่จะพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยเฉพาะเด็กหญิงในช่วงอายุก่อนมีประจำเดือน คือ ตั้งแต่อายุ 11-14 ปี จะพบผู้ป่วยในช่วงอายุนี้ค่อนข้างมาก นั่นจึงทำให้มีบางรายงาน ระบุว่า โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนก่อนมีประจำเดือน และจากรายงานทางการแพทย์ ยังไม่มีการระบุว่า มีเด็กหรือผู้ใหญ่เสียชีวิตจากการเป็นโรคดังกล่าว

          สำหรับ การรักษา ผศ.พ.ญ.วาณี วิสุทธิเสรีวงศ์ หัวหน้าสาขาโรคผิวหนัง ภาควิชากุมารเวชฯ โรงพยาบาลศิริราช ระบุว่า ยังไม่แน่ใจว่า โรคเหงื่อออกเป็นเลือด ต้องใช้การรักษาให้หาย หรือสามารถหายได้เอง
credit  http://health.kapook.com/view361.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก