Showing posts with label สัตว์เลี้ยง. Show all posts
Showing posts with label สัตว์เลี้ยง. Show all posts

HOME ALONE ความเครียด เมื่อสุนัขต้องอยู่ลำพัง




HOME ALONE ความเครียด เมื่อสุนัขต้องอยู่ลำพัง
(Dogazine Healthy)
เรื่องโดย : น.สพ.กมล ภาคย์ประเสริฐ

            "สุนัขของคุณเครียดเวลาที่คุณไม่อยู่บ้านหรือเปล่าครับ" ผมถามหลังจากไปตรวจสุขภาพสุนัขพันธุ์ไทยที่บ้านหลังหนึ่งแล้วบังเอิญเห็นว่า สุนัขตัวหนึ่งเดินตามเจ้าของตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลาที่เจ้าของมานั่งที่เก้าอี้ สุนัขก็ยังพยายามขดตัวเข้าไปนั่งใกล้ขาเจ้าของในท่าที่ดูไม่สบายเอาเสียเลย เจ้าของเล่าให้ฟังว่า เวลาที่เขาไม่อยู่บ้าน เพื่อนบ้านบอกว่าชอบได้ยินเสียงสุนัขเห่าและหอน บางครั้งกลับมาถึงบ้านก็จะพบปัสสาวะเลอะเต็มพื้นบ้าน ปัญหาสุนัขเครียดเวลาที่เจ้าของไม่อยู่บ้านเป็นปัญหาที่พบบ่อย แต่บางครั้งมักถูกมองข้าม เนื่องจากสุนัขบางตัวอาจแสดงอาการไม่มาก อย่างไรก็ตามถึงจะเป็นอาการป่วยด้านจิตใจ แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ปัญหาอาจจะรุนแรงขึ้น และมีผลเสียต่อร่างกายตามมาได้

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดปัญหา

            สิ่งหนึ่งที่สุนัขเหมือนกับคน คือ สุนัขเป็นสัตว์สังคมที่มักเกิดความเหงาและความเครียดได้ง่ายเมื่อถูกทิ้งให้ อยู่ลำพังปัญหา separation anxiety คือ ความกังวลของสุนัขเมื่อไม่ได้อยู่ใกล้คน โดยเฉพาะคนที่รู้สึกผูกพัน (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าของ) ที่เห็นชัดคือลูกสุนัขที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านใหม่มักร้องเรียกเจ้าของ ในช่วงกลางคือที่เจ้าของเข้านอน ลูกสุนัขจะค่อยๆ ปรับตัวและพฤติกรรมนี้จะลดลงไปเองหากเจ้าของไม่ได้สร้างเงื่อนไขว่าจะมาหา ลูกสุนัขทุกครั้งที่ร้องเรียก จะเห็นว่าประสบการณ์และการเรียนรู้ที่ผ่านมาเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของการ เกิดปัญหาพฤติกรรม สุนัขที่รับอุปการะมาจากสถานพักพิงสัตว์ มักเคยมีประสบการณ์ในการถูกทิ้งมาก่อน และขาดคนที่จะมาดูแลเอาใจใส่และให้ความรักอย่างจริงจังเป็นระยะเวลานาน เมื่อมาอยู่บ้านใหม่ จึงมักจะเกิดความกังวลเมื่อเจ้าของไม่อยู่บ้านได้มากกว่าสุนัขที่ได้มาจาก ฟาร์ม ส่วนสุนัขที่ได้มาจากบ้านเพื่อนหรือลูกสุนัขที่เกิดในบ้านมักพบปัญหาน้อย อีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ บ้านที่มีเจ้าของแค่คนเดียว เพราะสุนัขมักจะผูกพันกับเจ้าของมากจนเกิดปัญหาพฤติกรรมนี้ได้ง่าย สุนัขที่อายุมากขึ้นยิ่งมีโอกาสที่จะพบปัญหาความเครียดเวลาที่เจ้าของไม่ อยู่บ้านได้สูงขึ้น


อาการแบบไหนที่น่าสงสัย

            สิ่งที่สุนัขแสดงออกมาให้เห็นถึงความเครียดในช่วงเจ้าของไม่อยู่บ้าน มีได้ตั้งแต่ทำลายข้าวของ ขับถ่ายไม่เป็นที่หรือเห่าหอนเสียงดัง เนื่องจากเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นตอนที่เจ้าของไม่อยู่ การตั้งกล้องถ่ายวิดีโอไว้เป็นหลักฐานจึงเป็นสิ่งจำเป็น อาการที่เจ้าของสังเกตเห็นได้ตอนอยู่บ้าน คือ สุนัขอาจเดินตามเจ้าของทั้งวัน แต่เมื่อเจ้าของหยิบของหรือกุญแจรถเตรียมออกจากบ้าน สุนัขอาจคราง หอบ หรือเดินวนไปวนมาและเมื่อคุณกลับมาบ้าน สุนัขมักแสดงอาการดีใจให้เห็นมากผิดปกติ สุนัขที่เครียดมาก ๆ จะเลียหรือกัดขนตัวเอง บางตัวอาจอาเจียนและถ่ายเหลวได้ ขณะที่บางตัวอาจแสดงความก้าวร้าวต่อเจ้าของเมื่อไม่พอใจ





ต้องการให้เจ้าของออกจากบ้าน

            หากสุนัขมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้นและสงสัยว่าจะมีปัญหาความเครียด เมื่อเจ้าของไม่อยู่บ้าน ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง สำหรับสุนัขที่ป่วยเป็นโรคไต โรคเบาหวาน สุนัขที่สมองเสื่อม หรือสุนัขที่ขาดการฝึกอาจมีอาการขับถ่ายปัสสาวะไม่เป็นที่ได้เหมือนกัน ส่วนการเห่าเสียงดัง ในบางครั้งอาจเกิดจากสุนัขรู้สึกเบื่อ เพราะไม่ได้รับการออกกำลังกายอย่างเพียงพอ สาเหตุที่สุนัขไม่อยากอยู่ลำพังอาจมาจากปัญหาพฤติกรรมอื่นๆ เป็นพื้นฐาน เช่น อาการกลัวเสียงดัง การวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงก่อนการรักษาจึงเป็นสิ่งจำเป็น


แนวทางการรักษา

            สิ่งที่สำคัญที่สุดในการรักษา คือ เจ้าของต้องเข้าใจก่อนว่าพฤติกรรมที่เป็นปัญหาเกิดขึ้นเนื่องจากความเครียด และความกังวล สุนัขไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายข้าวของหรือขับถ่ายให้บ้านเลอะ ดังนั้นห้ามลงโทษเด็ดขาดเพราะมีแต่จะทำให้ความกังวลของสุนัขมากขึ้น แนวทางในการรักษาจะแบ่งเป็นการปรับพฤติกรรมร่วมกับการจัดการสภาพแวดล้อมและ การรักษาทางยา ในการปรับพฤติกรรมแต่ละวิธี สุนัขจำเป็นต้องรู้คำสั่งพื้นฐาน เช่น “นั่ง” “หมอบ” และ “คอย” ก่อน ดูรายละเอียดการฝึกเพิ่มเติมได้ใน www.facebook.com/petmanner




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ให้แมวเป็นของขวัญกันดีไหมหนอ

ให้แมวเป็นของขวัญกันดีไหมหนอ (Cat Magazine)
เรื่อง : คุณชมพู@หมอแมว

              ให้ แมวเป็นของขวัญ เป็นตัวแทนแห่งความรักระหว่างกันและกันจะดีไหม? คำตอบคือไม่ดีแน่ หากผู้รับเขาไม่พร้อม และไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างถูกวิธี

              สัตว์ เลี้ยงถือเป็นของขวัญยอดฮิตที่หนุ่มสาวมักมอบให้กันเพื่อแสดงถึงความรักแบบ น่ารักน่าเอ็นดู โดยที่ลืมนึกไปว่า ผู้รับเขามีความพร้อม หรือมีความสามารถในการเลี้ยงมากน้อยแค่ไหน หลายคู่เมื่อยามรักกันดีนั้นต่างช่วยกันดูแล เอาอกเอาใจ หาซื้อเสื้อ ผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับมาแต่งตัวน้องแมวน้องหมาของเราสุดฤทธิ์ หาอาหาร หาขนมชั้นดีมาปรนเปรอกันไม่ขาดสาย พาไปเที่ยวอวดเพื่อนออกงานด้วยกันทั้งเช้าเย็น แต่ หากวันใดคนทั้งคู่เลิกกัน น้องแถวน้องหมาเหล่านั้นก็ต้องตกเป็นจำเลยกลายเป็นแมวกำพร้า เป็นหมาจรจัดไม่มีเจ้าของ ไร้การเหลียวแล เกิดการเกี่ยงกันว่าตกลงแมวตัวนั้น หมาตัวนี้เป็นของฉัน หรือว่าของเธอ สุดท้ายต่างคนต่างไป โดยที่สัตว์เลี้ยงผู้น่าสงสารก็ต้องตกเป็นของ ผู้อื่น ให้เพื่อนเลี้ยงต่อบ้าง หรือจำใจรับไว้แต่ปล่อยปละละเลย ซ้ำร้ายบางตัวต้องกลายเป็นแมวน้อยหาบ้าน หาเจ้าของใหม่ หาที่อยู่ใหม่ โดยที่คนประกาศไม่เคยถามเจ้าตัวเขาสักคำว่าเขาอยากไปไหม หากพูดได้ สัตว์เลี้ยงเหล่านั้นคงถามไปแล้วว่า นี่เขาผิดอะไร ทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้

              จากการลงพื้นที่ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ที่มีหมาแมวจรจัดมากมาย ทำให้ทราบว่าก่อนที่จะมีจำนวนมากมายมหาศาลขนาดนี้ เมื่อก่อนก็มีอยู่ไม่กี่ตัวพอคนรู้ว่าที่มีในว่า ไม่ห้าม ไม่ทำป้ายติดว่าห้ามน้ำแมวมาปล่อย ก็ทำให้มีคนจำนวนมากแอบมาทิ้งหมาทิ้งแมวไว้ จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่จำนวนประชากรแมวที่เคยเป็นแมวบ้าน และไม่เคยผ่านการทำหมัน เมื่อมาอยู่รวมกันก็เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ออกลูกออกหลานกันมากมายให้เป็นภาระของเจ้าของสถานที่อีกด้วย

              อีกหนึ่งกรณีของแมวน้อยหาบ้าน ที่ต้นเรื่องมาจากการที่คู่รักลงทุนควักกระเป๋าซื้อแมวเปอร์เซียขนนุ่มฟูสี ขาวมาจากฟาร์มแมวชื่อดัง หมายว่าจะให้เป็นพยานรักระหว่างเรา แต่ที่ไหนได้ สุดท้ายแมวตัวนี้ก็ได้คนข้างบ้านที่ต้องมารับตัวไปช่วยดูแล เหตุเพราะสงสาร หากไม่อย่างนั้นแมวเปอร์เซียตัวนั้น คงต้องระหกระเหิน เพราะต่างคนต่างไป หอบกระเป๋าออกไปหาที่อยู่ใหม่ไม่เหลือใครสักคน






              สำหรับ คนที่อยากได้สัตว์เลี้ยง แต่ไม่เคยทำความเข้าใจว่าหลักพื้นฐานของการเลี้ยงสัตว์คืออะไร ลองคิดว่า หากเราจะซื้อเฟอร์นิเจอร์สักชิ้นเข้าบ้าน เราต้องคิดถึง อะไรบ้างจะตั้งไว้ตรงไหน จะไว้ห้องใคร กว้างยาวพอดีไหม หรือจะใช้งานได้นานเท่าไร เช่นเดียวกัน การ ที่คิดจะเลี้ยงแมวสักตัวหนึ่ง คุณก็ต้องตระหนักให้ดีว่าเรามีความสามารถในการดูแลเขาแค่ไหน เขาจะกินอะไร จะนอนที่ไหน จะอยู่อย่างไร และต้องคิดเผื่อว่า ถ้าเขาเป็นอะไรไป เราจะทำอะไรก่อนหลังต้องศึกษาให้ดี โดยเฉพาะเรื่องชีวิตประจำวันที่เป็นเรื่องง่ายแสนง่าย ที่ผู้เลี้ยงอย่างเราสามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง เช่น


ที่นอนแมว

              แมวเป็นสัตว์ติดที่ ติดกลิ่น ที่นอนของเขาก็คือที่นอนของเขา ไม่ชอบให้แมวตัวอื่นมานอนทับกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยิ่งเป็นแมวที่อยู่มานานย่อมมีกลิ่นที่แสดงความเป็นเจ้าของเต็มบ้าน หากมีแมวใหม่เข้ามา ก็ต้องมีการปรับพฤติกรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งแมวหน้าใหม่และแมวหน้าเก่า


อาหารแมว

              ต้องเลือกสรรให้ดี เหมาะสมกับบ้านและพฤติกรรมของเขา ชามแก้วชามกระเบื้องจะสวยงามดีหากแมวของเรานี้เรียบร้อย น่ารัก วันทั้งวันเอาแต่นอน กลางคืนก็ออกมาอ้อนพอน่าเอ็นดู แต่หากไม่ใช่ ขอแนะนำให้เลือกชามน้ำ ชามอาหารที่เป็นพลาสติกจะเหมาะสมกว่า หมั่นทำความสะอาดบ่อย ๆ เพราะชามน้ำที่วางไว้นานๆ ย่อมเป็นบ่อเกิดของลูกน้ำยุงลาย และชามอาหารที่เหลือเศษอาหารไว้ ย่อมพามาซึ่งมด หนูแมลงสกปรกเป็นพาหะนำเชื้อโรคมาสู่แมวน้อยของเราได้ หากอาหารบูดเน่า แล้วแมวของเรากินเข้าไป เมื่อเขาท้องเสีย ถ่ายเหลว หรือเกิดอาการอาหารเป็นพิษขึ้นมา เราจะเสียใจ ส่วนอาหารแมวนั้น ต้องพิถีพิถันในการเลือก ปัจจุบันมีอาหารสุขภาพสำหรับแมวขายแล้ว แต่ละชนิดก็อาจมีคุณสมบัติพิเศษในการป้องกันรักษาโรคต่างๆ เช่น อาหารที่เหมาะสำหรับแมวเป็นโรคตับ อาหารสำหรับแมวที่ต้องการลดน้ำหนัก อาหารสำหรับป้องกันและกำจัดก้อนขน เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะให้อาหารชนิดใด ยี่ห้อใด อย่าลืมคำนึงว่าร่างกายของแมวแตกต่างจากคน สารอาหารที่แมวต้องการก็ไม่เหมือนคน ขอแนะนำว่าอย่าปรุงอาหารเอง อย่าเติมความเปรี้ยวหวานมันเค็มให้กับแมว เพราะหากสะสมมาก ๆ เข้า ของเหล่านี้จะเป็นพิษต่ออวัยวะภายใน ทำให้แมวเจ็บป่วยล้มตายได้


ห้องน้ำแมว

              มีหลายครอบครัวที่เลี้ยงแมวแล้วสร้างห้องน้ำให้แมวด้วยตัวเอง บางบ้านอาจเป็นกะละมังขนาดพอดีตัวแมวใส่ทรายให้ขับถ่าย บางบ้านอาจเป็นกระบะใหญ่ๆ ใส่เปลือกไม้สน หรือบางบ้านก็ยกห้องน้ำให้แมวไปเลยสิ่งสำคัญของการฝึกการขับถ่ายคือ เราต้องฝึกให้เขาขับถ่ายในที่ที่เราต้องการให้เป็นที่ขับถ่ายประจำของเขา ช่วงแรกอาจยากหน่อย เพราะแมวยังไม่คุ้นชิน แต่หากเราอดทนฝึกต่อไป ไม่นานเขาจะรู้ว่าที่ตรงนี้เป็นที่ที่เขาจะมาปลดทุกข์ได้ด้วยความสบายใจ และเพื่อสุขอนามัยที่ดีทั้งของคนและของแมว เราจึงความหมั่นทำความสะอาดและเปลี่ยนทรายในกระบะอยู่เสมอ


ของเล่นแมว

              อย่าคิดว่าของเล่นแมวเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะการที่เราได้เล่นด้วยกันเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนและแมว แมวจะติดและจะเห็นเราเป็นมิตร แมวเป็นสัตว์ที่มีสัญชาตญาณนักล่า เขาจะมีความระแวดระวังภัยสูง หากเขารักเรา เขาจะใกล้ชิดกับเรา ไม่กลัวไม่หนี เมื่อเราเข้าหา ที่สำคัญอีกประการ ของเล่นสำหรับแมวจะช่วยฝึกพัฒนาการและขยับขีดความสามารถของแมวที่มีตาม ธรรมชาติออกมาได้ดีที่สุด


คุณหมอแมว สัตวแพทย์ประจำบ้าน

              ทุกครั้งที่เริ่มต้นเลี้ยงสัตว์ ต้องพาเข้าโปรแกรมวัคซีนให้ครบและตรงเวลาอยู่เสมอ หมั่นสังเกตอาการและตรวจเช็คร่างกายของเขาให้ดี หากมีอะไรผิดปกติอย่าลืมปรึกษาแพทย์ ห้ามใช้ยาของคนในการรักษาแมวเป็นอันขาด เพราะกระบวนการรับยา การดูดซึมยา และการกำจัดยาที่เกิดขึ้นจากระบบร่างกายของคนและแมวแตกต่างกัน คิดไว้เสมอว่ายารักษาโรคของคน อาจเป็นยาพิษสำหรับแมว เพราะฉะนั้นส่งให้เป็นหน้าที่ของสัตวแพทย์จะดีที่สุด





Love me love my cat

              ถ้าเทียบกับจำนวนประชากรสัตว์เลี้ยงที่มีอยู่ทั่วประเทศ แมวนับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีคนนำมาปล่อยทิ้งเป็นอันดับต้นๆ แมวที่ถูกละเลยเรื่องความประพฤติจะนำมาซึ่งความวุ่นวายกลายเป็นปัญหาสังคม ทั้งเรื่องของกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการขับถ่าย แมวที่ส่งเสียงหง่าวดังและกัดกันในตอนกลางคืนเพราะชิงความเหนือกว่าแมวที่ ขโมยอาหารเพราะหิว รวมถึงแมวที่แอบมาคลอดลูกหลังบ้านให้เป็นภาระกับคนอื่น หากมองย้อนกลับไป ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิด หากคนที่เคยเป็นเจ้าของไม่นำเขาไปทิ้งจนเขาต้องกลายเป็นแมวกำพร้า พ่อแม่ไม่รัก ต้องใช้ชีวิตอย่างหดหู่ท่ามกลางสังคมที่โหดร้าย



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

แมวในบ้านทะเลาะกัน ทำอย่างไรดี?



แมวในบ้านทะเลาะกัน ทำอย่างไรดี? (Cat Magazine)

เรื่อง : น.สพ.กมล ภาคย์ประเสริฐ ภาพ : shutterstock

            สำหรับ บ้านที่เลี้ยงแมว (หมู่) มีปัญหาแมวทะเลาะกันบ้างไหมครับ การทะเลาะเบาะแว้งกันของแมวที่เลี้ยงไว้อยู่ด้วยกัน มีได้หลายสาเหตุ เช่น ความเครียด ความกังวล และความไม่สมหวัง หาก ต้องการแก้ปัญหาให้ตรงจุด เจ้าของจำเป็นต้องฝึกการสังเกตการแสดงออกของท่าทาง สีหน้า และน้ำเสียงของแมวในช่วงก่อน, ระหว่าง และหลังจากที่แมวทะเลาะกัน และสังเกตถึงบริเวณที่แมวมักจะทะเลาะกันด้วย การทะเลาะกันของแมวภายในบ้าน หากไม่ได้รับการแก้ไข นอกจากจะทำให้บาดเจ็บทางร่างกายแล้ว ยังมีผลกระทบต่อจิตใจของแมว ทำให้เกิดความเครียดและอาจนำไปสู่ปัญหาพฤติกรรมอื่น เช่น การปัสสาวะไม่เป็นที่ การเลียตัวเองตลอดเวลา หรือโรคอ้วนได้


ภาษากาย และสีหน้าแมวที่ควรรู้

            การสังเกตสีหน้าและท่าทางจะช่วยให้เราแยกแมวที่มีความก้าวร้าวจริงๆ ออกจากแมวที่แสดงความก้าวร้าวเพราะความกลัวได้ แมวที่มีอาการกลัวอาจจะส่งเสียงขู่ฟ่อ ขนลุกขัน โก่งหลังขึ้น ม่านตาขยาย และตะแคงด้านข้างลำตัวเข้าหาผู้รุกรานเพื่อเป็นการขู่ เพราะจะทำให้ดูตัวใหญ่ขึ้น หากสังเกตที่หูจะพบว่าแมวที่ก้าวร้าวเพราะความกลัวหูจะหมุนลงด้านข้างและลู่ ไปทางด้านหลัง แมวจะแสดงอาการอย่างนี้ ต่อเมื่ออยู่ในสภาพที่ถูกจำกัดการเคลื่อนไหว ไม่สามารถหนีได้จึงจำเป็นต้องสู้ ในขณะที่แมวที่เป็นฝ่ายรุกรานแมวตัวอื่นส่วนหูมักจะหันไปด้านหลังแต่ปลายใบ หูจะยกขึ้น จะใช้สายตาจ้องมองขู่ และอาจเข้าไปขวางทางเดินหรือเดินเข้าไปหาแมวตัวอื่นอย่างมั่นใจ

            เมื่อคุณอ่านภาษากายของแมวเป็นแล้ว ก็เริ่มจดบันทึกได้เลยครับว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในบ้านบ้างที่บริเวณไหน แมวตัวไหนแสดงความก้าวร้าวเฉพาะต่อเมื่อถูกรุกกราน และเหตุการณ์ที่แมวในบ้านแสดงอาการขู่ฟ่อ ตะปบ ข่วน คำราม วิ่งไล่ กัด หรือตะลุมบอนกันเกิดขึ้นบ่อยมากน้อยแค่ไหน


วิเคราะห์แก๊งแมวในบ้าน

            การเก็บข้อมูลขั้นต่อมา คือ ดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกับแมวและปฏิสัมพันธ์ระหว่างแมวกับแมวตัวอื่น สำรวจดูก่อนครับว่าแมวในบ้านตัวไหนอยู่กลุ่มเดียวกันบ้าง โดยดูจากพฤติกรรมการเลียแต่งตัวให้กันการเอาคางไปถูกัน และการใช้ชามน้ำ ชามอาหาร พร้อมกัน หรือมักจะพักผ่อนนอนเล่นที่บริเวณเดียวกัน ใช้เวลาจดบันทึก 1 ถึง 2 สัปดาห์ว่าแมวแต่ละกลุ่มมีการใช้สอยพื้นที่ตรงไหนของบ้านบ้าง คราวนี้เราจะมาลงรายละเอียดในส่วนของเหตุการณ์วิวาท ต้องสังเกตครับว่าอะไรคือปัจจัยกระตุ้น และแมวตัวไหนมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ ต้องดูต่อไปถึงอาการเครียดของแมวที่ตกเป็นเหยื่อว่ามีอาการมากน้อยแค่ไหน เช่น หลบซ่อนตัว ไม่ค่อยออกมากินอาหารไม่เลียขนหรือไม่ยอมออกมาใช้กระบะทราย





สาเหตุที่แมวทะเลาะกัน มีอะไรบ้าง

            สาเหตุ ของความก้าวร้าวที่พบได้บ่อย ได้แก่ การหวงพื้นที่ การเปลี่ยนสถานะทางสังคม ความกลัว กระระบายความเครียด แมวที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว การป้องกันตนเอง การคุกคามตัวอื่น และการทะเลาะกันระหว่างแมวตัวผู้ ขอยกตัวอย่างสาเหตุที่พบบ่อย ๆ ครับ

            การหวงพื้นที่และการเปลี่ยนสถานะทางสังคม สถานะทางสังคมของแมวในบ้านเปลี่ยนแปลงได้จากหลายสาเหตุ เช่น ลูกแมวในบ้านเริ่มโตขึ้นและมีอายุได้ 1 ถึง 2 ปี มีแมวโตบางตัวออกไปจากบ้านหรือมีแมวใหม่เข้ามาในบ้าน เมื่อสภาพแวดล้อมภายในบ้านหรือสถานภาพของแมวเปลี่ยนไปการจัดสรรพื้นที่ภายใน บ้านระหว่างแมวจะเริ่มขึ้นซึ่งจะนำไปสู่การทะเลาะวิวาทกันเอง

            การวิวาทกันระหว่างแมวต่างจากในสุนัข คือ แมวจะเลือกใช้การคุกคามด้วยสายตาและท่าทางก่อน เช่น อาจจ้องหน้าแมวอีกตัวเดินไปปิดขวางทางเดิน หรือเดินเข้าไปหาช้า ๆ เพื่อขับไล่แมวอื่นออกจากบริเวณที่ตัวเองต้องการ หากแมวที่ถูกคุกคามยอมแพ้มักจะหมอบ หูลู่ลง และเดินหนีไปทางอื่นในที่สุด การวิ่งไล่กวด การขู่ คำราม ร้องเสียงดังยาว ๆ หรือกัดเป็นทางเลือกสุดท้าย กรณีที่ใช้วิธีการกดดันแล้วไม่ได้ผล

            แมวที่ตกเป็นเหยื่อมักจะจำกัดพื้นที่ในการเคลื่อนไหวเพื่อหลีกเลี่ยงการประ ทะกับแมวตัวที่ก้าวร้าว ดังนั้นหากปัญหาความก้าวร้าวรุนแรงจำเป็นต้องแยกกันเลี้ยงครับ เพราะส่วนใหญ่มักจะรักษาไม่หายในเร็ววัน ส่วนในกรณีที่ความก้าวร้าวเกิดเฉพาะช่วงที่แมวตัวอื่นพยายามจะเข้าไปหาชาม อาหาร ชามน้ำ กระบะทราย หรือที่นอนพัก เราสามารถแก้ไขได้โดยจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้อย่างเพียงพอและให้ อยู่ในบริเวณที่เข้าถึงง่าย อย่าลืมว่าแมวจะมีการจัดสรรพื้นที่ในบ้านแบ่งกัน ซึ่งใหญ่เล็กไม่เท่ากัน ควรสังเกตเพื่อหาที่วางสิ่งเหล่านี้อย่างเหมาะสม

            ความระบายความเครียด กลิ่น เสียง การมองเห็นแมวตัวอื่นหรือสัตว์อื่น อาจทำให้แมวบางตัวรู้สึกหงุดหงิดแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เช่น เมื่อแมวในบ้านอาจถูกยั่วยุจากแมวที่อยู่นอกหน้าต่างทำให้ไม่สบอารมณ์จนส่ง เสียงขู่และคำราม จังหวะนั้นเองเจ้าของหรือแมวตัวอื่นในบ้านเดินเข้ามาในห้องพอดีก็จะตกเป็น เหยื่อให้แมวได้ระบายอารมณ์ในทันที ส่วนมากแมวที่ตกเป็นเหยื่อมักไม่พอใจและต่อสู้กลับ ทำให้ปัญหาลุกลาม และสัมพันธภาพระหว่างแมวในบ้านแย่ลง ถึงขนาดที่ว่าถ้าแค่เห็นหน้ากันก็จะเริ่มขู่ หรือหาที่ซ่อนตัวทันที

            ความก้าวร้าวจากความกลัว เป็นการตอบโต้ที่พบได้บ่อยในแมวที่ตกเป็นเหยื่อ เจ้าของต้องฝึกสังเกตลักษณะท่าทางของแมวตามที่แนะนำไปข้างต้น เมื่อแมวที่เป็นผู้คุกคามพบว่าแมวที่เป็นเหยื่อตอบโต้มักจะยิ่งแสดงความก้าว ร้าวมากขึ้นและปัญหาจะยิ่งรุนแรงขึ้นตามลำดับ

            แมวขี้โมโห หากเราสังเกตและวิเคราะห์แล้วไม่พบเหตุผลที่แมวแสดงความก้าวร้าวเลย บางครั้งอาจเป็นได้ว่าแมวตัวนั้นมีนิสัยก้าวร้าวเป็นปกติ ซึ่งมักมีสาเหตุโน้มนำมาจากปัญหาเรื่องสุขภาพ สภาพแวดล้อมภายในบ้านและปฏิสัมพันธ์ระหว่างแมวกับเจ้าของ หากแก้ปัญหาให้ตรงจุดได้ความก้าวร้าวของแมวจะลดลง





แนวทางแก้ปัญหา

            สร้างห้องสงบสติอารมณ์ภายในบ้าน
   
               เมื่อแมวในบ้านทะเลาะกันคุณจำเป็นต้องแยกแมวออกจากกันก่อนครับ อาจใช้ไม้กวาดต้อนใช้ถุงมือหรือผ้าขนหนูหนาๆ ตะครุบ หรือเอาตะกร้าผ้าครอบแมวไว้ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยไม่ให้เจ้าของโดนกัด จากนั้นแยกแมวแต่ละตัวเข้าห้องสงบสติซึ่งควรจะเป็นห้องที่มืดๆ ใส่อาหาร น้ำ กระบะทรายไว้ให้พร้อม แมวอาจต้องใช้เวลาในห้องเป็นชั่วโมงหรือเป็นวันๆ เพื่อให้ใจเย็นลง เจ้าของจะเข้าไปในห้องเพื่อเปิดไฟแล้วให้น้ำให้อาหาร เท่านั้น เมื่อไรที่เจ้าของเข้าไปในห้องแล้วแมวเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางที่สงบและดู ผ่อนคลายค่อยปล่อยแมวออกจากห้อง สิ่งสำคัญคืออย่าปล่อยแมวออกมาเร็วเกินไปเพราะหากทะเลาะกันใหม่ปัญหาจะ รุนแรงกว่าเดิม และอย่าให้แมวทั้งสองเจอหน้ากันในทันทีออกจากห้องพยามวางชามน้ำ ชามอาหาร กระบะทราย กระจายไว้ในบ้านในบริเวณที่แมวเดินเข้าเดินออกได้หลายทางเพื่อให้มีทางหนี ที่ไล่ โดยดูให้อยู่ในพื้นที่ของแมวแต่ละตัวเพื่อลดโอกาสการเผชิญหน้ากัน แมวตัวที่ก้าวร้าวต้องใส่กระดิ่งที่ปลอกคอ เพื่อเป็นการเตือนภัยให้แมวที่เป็นเหยื่อรู้ล่วงหน้าก่อนจะถูกบุกรุกถึงตัว

              การปรับพฤติกรรม

               หลักการคือการสร้างความรู้สึกดีเวลาที่แมวคู่กรณีอยู่ใกล้ๆ กัน เพื่อความปลอดภัยควรใส่สายจูงแมวทั้งคู่ก่อนนำแมวทั้งสองตัวมาเจอหน้ากันโดย ให้อยู่ไกลกันพอที่แมวจะไม่รู้สึกเครียดให้นำอาหารหรือขนมที่มีความน่ากิน สูงมาให้แมวเพื่อเป็นการสร้างทัศนคติด้านบวกในการเจอกัน หากแมวยังไม่ยอมกินอาหารและแสดงอาหารเครียดอยู่ให้ถอยห่างออกจากกันมากขึ้น ซึ่งหากยังเครียดเหมือนเดิมก็ให้เลิกการฝึกและเริ่มฝึกในมื้ออาหารถัดไป แต่หากแมวทั้งคู่ยอมกินอาหาร ให้ปล่อยให้แมวกินจนเสร็จแล้วค่อยแยกย้ายออกจากกันครั้งต่อไปที่ฝึกยังคงใช้ ระยะห่างเท่าเดิม หากแมวกินเป็นปกติ การฝึกครั้งหน้าให้เลื่อนระยะห่างระหว่างแมวให้ใกล้มากขึ้นครั้งละ 6 ถึง 8 นิ้ว หากแมวยังคงกินอาหารปกติให้เจ้าของปล่อยให้แมวได้มีโอกาสเลียแต่งตัวได้บ้าง ก่อนที่จะจับแยกกัน ทุก 2 ครั้ง ที่แมวกินอาหารโดยไม่มีอาการเครียดเราจะขยับชามให้ใกล้ขึ้นอีก สิ่งสำคัญคือเจ้าของห้ามใจร้อน เพราะหากขยับชามเข้าหากันเร็วไปแล้วแมวแสดงอาการก้าวร้าวใส่กัน เท่ากับการบำบัดถอยหลัง และโอกาสสำเร็จจะลดน้อยลง นอกจากช่วงที่ฝึกภายใต้การดูแลของเจ้าของแล้ว ในเวลาอื่น ๆ ควรแยกแมวทั้งสองออกจากกัน แต่อาจมีการสลับกระบะทรายกันหรือใช้วิธีเอาผ้าถู เพื่อเก็บกลิ่นมาผสมกันให้แมวรู้สึกคุ้นเคย ตามที่ผมเคยแนะนำไปในเล่มก่อนครับ

            แมวบางตัวอาจไม่ยอมกินขนมหรืออาหารที่ให้เลยหากเจอแมวคู่อริ ในรายนี้อาจฝึกแบบไม่ให้เห็นหน้ากันก่อน เริ่มจากให้กินอาหารโดยอยู่กันคนละฝั่งของประตูที่ปิดไว้ใน 2 ถึง 3 วันแรก ก่อนจะลองเปิดประตูอีกครั้ง หรือในบางครั้งอาจใช้การฝึกแบบประยุกต์โดยให้แมวตัวที่ก้าวร้าวอยู่ในกรงและ แมวอีกตัวอยู่นอกกรงในขณะที่ให้อาหาร หากเป็นไปได้ด้วยดีให้สลับตำแหน่งกันแต่คราวนี้ต้องระวังมากขึ้น อย่าให้แมวตัวที่ก้าวร้าวขู่แมวในกรง หากแมวรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ยอมกินอาหารอาจต้องพิจารณาให้แมวอยู่ในกรงด้วยกันทั้งคู่ในขณะฝึก

            สำหรับแมวที่มีความก้าวร้าวไม่มากอาจใช้วิธีการปรับความสัมพันธ์ผ่านการเล่น ได้ ให้เจ้าของแง้มประตูไว้โดยแมวทั้งสองอยู่คนละฝั่งของประตูแล้วให้แมวทั้งคู่ เล่นด้วยกันผ่านเบ็ดตกแมว

            การ บริหารความสัมพันธ์ระหว่างแมวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องมีการตรวจสาเหตุ อย่างละเอียด และบางครั้งต้องใช้ยาประกอบการรักษา กรณีปัญหารุนแรงระยะเวลาในการบำบัดอาจนาน 6 เดือน ถึงเกือบ 2 ปี ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าเพิ่งถอดใจนะครับ ลองปรึกษากับสัตวแพทย์ใกล้บ้าน หรือเข้ามาปรึกษาผมได้ทาง www.facebook.com/petmanner ยินดีให้คำปรึกษาครับ




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์บนตัวเจ้าเหมียว

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
แมวน่ารัก
ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์รักสะอาด แต่ก็ใช่ว่าเจ้าเหมียวของเราจะปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์ แมว สามารถมีกลิ่นจากตัวของมันได้ไม่ต่างจากน้องหมา แต่อาจจะน้อยกว่า ซึ่งถ้าหากเป็นกลิ่นเบา ๆ ก็คงจะไม่มีปัญหา แต่ถ้าเจ้าเหมียวมีกลิ่นแรงผิดปกติเกินไปล่ะก็ คงไม่ดีแน่ ๆ ดังนั้น ให้ลองสังเกตดูว่า กลิ่นเหม็นจากตัวน้องเหมียว มีต้นกำเนิดมาจากอะไร

ทั้งนี้ กลิ่นจากเจ้าเหมียว อาจเป็นผลมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น กลิ่นปาก อันเนื่องมาจากฟันผุหรือโรคเหงือ, กลิ่นหู ไรในหู ที่อาศัยอยู่ปะปนกับขี้หู สามารถก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นได้, กลิ่นเหยื่อ บ่อยครั้งที่แมวต้องฟาดฟันกับศัตรูคู่อาฆาตอย่างหนู และกลิ่นของหนูก็อาจติดตัวแมวมาได้, กลิ่นน้ำลาย คราบโปรตีนจากน้ำลายบนขนเจ้าเหมียวที่ถูกขับออกมาขณะเลียขน เมื่อแห้งจะเป็นอาหารของเชื้อแบคทีเรีย ที่อาจก่อให้เกิดกลิ่นได้ ฯลฯ

และเพื่อเป็นการป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจทำให้ น้องเหมียว ขาดเสน่ห์ และหมดความน่ารักไปล่ะก็ เจ้าของควรหมั่นตรวจตราสิ่งต่าง ๆ อันอาจก่อให้เกิดกลิ่นได้ โดยแก้ไขตามต้นเหตุที่พบจากคำแนะนำของ สัตวแพทย์ชื่อดัง รศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร ดังต่อไปนี้

หากพบว่าแมวมีกลิ่นปาก ต้องหมั่นดูแลสุขภาพช่องปากเจ้าเหมียว หากทำได้ ควรแปรงฟันเพื่อกำจัดเศษอาหารและคราบหินปูน

หากพบว่ากลิ่นมาจากหู เช็ดทำความสะอาดในรูหูและใบหูของแมว ควรเช็ดหูเพื่อขจัดขี้หูตลอดเวลา แต่หากพบว่ามีไรอยู่ให้พาไปพบสัตวแพทย์เพื่อกำจัดอย่างถูกวิธี

หากพบว่า กลิ่นตัวเจ้าเหมียวแรงเกินพิกัด ให้เช็ดทำความสะอาดร่างกายของแมวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อขจัดเศษคราบน้ำลาย รวมถึงแปรงขนเป็นประจำ และหากพบว่าแมวออกเที่ยวนอกบ้าน ควรเช็ดตัวทำความสะอาดเพิ่ม

13 เรื่องแมว ๆ ที่คุณอาจไม่(เคย)รู้

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
แมวน่ารัก

หลายคนที่เลี้ยงแมวคงจะคุ้นเคยกับอุปนิสัยซุกซนและขี้เล่นของเจ้าเหมียวทั้งหลาย แต่คุณจะรู้ไหมนะว่า เจ้าเหมียวน้อยตาบ้องแบ๊วเหล่านี้ยังมีสิ่งที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับตัวพวกมันอีกแยะ บางคนที่เลี้ยงแมวมานานยังเกิดข้อสงสัยว่า เอ๊ะ! ทำไมมันทำแบบนั้น อ๊ะ! มันทำแบบนี้อีกล่ะ วันนี้เรามีเรื่องแมว ๆ ที่คุณอาจไม่(เคย)รู้ 13 ข้อมาบอกกล่าวผู้เลี้ยงแมวทั้งหลาย รวมทั้งมือใหม่ที่อยากจะเลี้ยงแมวด้วยค่ะ ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลย

1. แมวจะไม่ทักทายกันโดยการสัมผัสทางจมูก

สาเหตุที่แมวที่ไม่รู้จักกันจะไม่ทักทายกันด้วยการเอาจมูกมาสัมผัสกัน นั่นก็เพราะ จมูก เป็นอวัยวะที่ติดเชื้อง่ายที่สุด เว้นเสียแต่ว่า แมวที่คุ้นกันอยู่แล้วแต่มีเหตุต้องจากกันไปสักช่วงหนึ่ง เมื่อพวกมันกลับมาพบกัน มันก็จะเอาจมูกมาสัมผัสกัน เพื่อจะช่วยให้จำได้ อีกทั้งแมวตัวหนึ่งจะรู้ได้ว่า แมวที่หายไปนั้น ไปที่ไหน ไปทำอะไรมานั่นเอง

2. บางครั้งเสียงครางของแมวบ่งบอกว่ามันกำลังป่วย

ส่วนใหญ่แล้ว เรามักได้ยินเสียงครางของแมว ตอนที่มันกำลังรู้สึกสบาย หรือพอใจกับอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตาม บางครั้งเสียงครางที่มากเกินไปก็บ่งบอกได้ว่า พวกมันกำลังบาดเจ็บอยู่นะ ถ้าคุณลองฟังดี ๆ คุณก็สามารถแยกเสียงได้ว่า ตอนไหนมันกำลังสบาย หรือตอนไหนมันกำลังบาดเจ็บอยู่

3. แมวเริ่มส่งเสียงครางเมื่ออายุได้ 1 สัปดาห์

เจ้าเหมียวน้อยทั้งหลายจะเริ่มส่งเสียงครางได้ เมื่อมันอายุได้ 1 สัปดาห์ และถ้าเราลองฟังเสียงครางของพวกมัน เราจะรู้สึกได้ว่า มันครางสม่ำเสมอและเป็นจังหวะด้วย นั่นก็เพราะพวกมันสามารถส่งเสียงครางได้สองทาง คือ ทั้งขณะหายใจเข้า และหายใจออกนั่นเอง

4. เสียงครางของแมวบอกช่วงอายุได้

แมวที่อายุยังน้อย จะครางได้เสียงเดียว ไม่มีเสียงสูง-เสียงต่ำ อะไรทั้งนั้น ในขณะที่แมวอายุมากขึ้น จะสามารถครางได้หลายสุ้มเสียง เสียงทุ้มบ้าง แหลมบ้าง ก้องบ้าง แตกต่างกันไปตามอารมณ์ของมัน

5. เสียงครางของแมว เกิดขึ้นมาได้ยังไงนะ?

จนถึงทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่รู้แน่ชัดถึงที่มาของเสียงครางครืด ๆ ในลำคอของเจ้าเหมียวว่ามันมาจากอวัยวะส่วนไหน แม้ว่าบางคนจะเชื่อว่า มันเกิดขึ้นในระบบหัวใจและหลอดเลือด มากกว่าที่จะเกิดขึ้นในลำคอก็ตาม แต่ปัจจุบันก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้


แมวน่ารัก


6. แมวเลือกเสียงครางเวลาจะเล่นกับเจ้าของ

เวลาที่เจ้าเหมียวอยากจะส่งเสียงครางออดอ้อน ออเซาะ คลอเคลียกับเจ้าของ มันจะใช้โทนเสียงแหลม ๆ เล็ก ๆ เหมือนกับมันยังเป็นลูกแมวอยู่ แต่ถ้าพวกมันเล่นกับแมวด้วยกันเอง มันจะใช้โทนเสียงผู้ใหญ่นี่แหละ เพราะไม่ต้องไปออดอ้อนใครล่ะมั้ง

7. ช็อกโกแลต ของอันตรายสำหรับแมว

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบกินช็อกโกแลต ก็ขอให้เก็บช็อกโกแลตไว้ให้พ้นสายตาหรือจมูกของเจ้าเหมียวให้ดี เพราะช็อกโกแลตที่แสนอร่อยของเรานั้น กลับเป็นอันตรายต่อแมว เพราะเมื่อแมวกินช็อกโกแลตจะทำให้มันป่วยหรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

8. แมวชอบงีบมากกว่านอนยาว

ถ้าใครที่เลี้ยงแมว คงจะรู้ว่า แมวนั้นขี้เซาจริง ๆ เล่นกันอยู่ซักประเดี๋ยว หันไปอีกที มันก็แวบไปหาที่นอน แต่ความจริงแล้ว มันไปงีบต่างหากล่ะ เพราะแมวชอบงีบมากกว่านอนหลับไปเลย แต่ถ้ามันไปนอนหลับจริง ๆ และหลับลึกพอแล้วล่ะก็ มันก็จะฝัน เพราะการฝันช่วยให้มันผ่อนคลายความรู้สึกตื่นเต้นหรือตกใจกับเหตุการณ์ที่มันพบเจอมาในวันนั้นนั่นเอง

9. แมวไม่ชอบสบตาใคร

พฤติกรรมอย่างหนึ่งของแมวที่คุณอาจจะยังไม่รู้ ก็คือ แมวจะกระพริบตาและหรี่ตาก็เมื่อมันต้องมีเหตุให้สบตาโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างเช่น เวลามันเจอแมวที่ไม่รู้จักกัน แต่บังเอิญหันมาสบตากันเป๊ะ มันก็จะหรี่ตาแล้วก็หันไปทางอื่น หรือแม้กระทั่ง ถ้าคุณลองจ้องตามัน มันก็จะกระพริบตา หรี่ตา และก็เบือนหน้าไปทางอื่น อ่ะ.. ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองไปทำจ้องตามันดูนะ

10. จังหวะการเต้นของหัวใจน้องเหมียว

โดยเฉลี่ยแล้ว อัตราการเต้นของหัวใจของแมวจะอยู่ที่ประมาณ 160-240 ครั้งต่อนาที แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับช่วงชีวิตของมันด้วย ซึ่งยิ่งมันมีอายุน้อยเท่าไหร่ อัตราการเต้นของหัวใจมันก็จะเร็วกว่าแมวที่มีอายุมากแล้ว

11. แมวไม่เข้าใจว่ามันกำลังถูกทำโทษ!

บางทีเจ้าเหมียวที่คุณเลี้ยงน่ะ ก็ดื้อซะเหลือเกิน ฝนเล็บที่โซฟาตัวโปรดของคุณบ้างล่ะ วิ่งเล่นชนข้าวของกระจายบ้างล่ะ แต่ถึงแม้คุณจะตี จะทำโทษมันซักเท่าไหร่ มันก็ไม่เข้าใจหรอกนะ ดังนั้น ควรเปลี่ยนมาชมมันหรือให้รางวัลมันเวลามันทำตัวดี แทนการตีมัน น่าจะดีกว่านะ

12. เคี้ยวเนื้อดิบเสริมสร้างสุขภาพฟัน

คุณรู้หรือไม่ว่า การให้เนื้อดิบ ๆ แก่เจ้าเหมียวไปแทะ ไปเคี้ยวเล่นทุกวัน เป็นการช่วยรักษาสุขภาพเหงือกและฟันให้อยู่ในสภาพดีเสมอนะจะบอกให้ เนื้อที่เหมาะแก่การเคี้ยวของเจ้าเหมียวนั้น ควรเป็นเนื้อสัตว์ปีก เนื้อวัว หรือเนื้อกระต่าย แต่อย่าลืมเอากระดูกออกให้หมดก่อนโยนให้มันล่ะ เพราะแมวไม่ใช่หมานะจ๊ะที่จะชอบแทะกระดูกน่ะ

13. แมวทนร้อนได้ดีจัง เพราะอะไรกันนะ?

ถ้าคุณเคยตั้งข้อสงสัยว่า แมวของคุณทำไมถึงทนร้อนได้ดีเหลือเกิน โปรดจงรู้ไว้ว่า นั่นก็เพราะบรรพบรุษของแมวเมื่อครั้งก่อนนู้นเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายมาโดยกำเนิดนั่นเอง

โฉมหน้าของเจ้าโดโรเฟย์ แมวของประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ผู้นำรัสเซีย

โฉมหน้าของเจ้าโดโรเฟย์ แมวของประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ผู้นำรัสเซีย


โฉมหน้าของเจ้าโดโรเฟย์ แมวของประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ผู้นำรัสเซียและนางสเว็ตลานา ภริยา เดินอยู่ในบ้านพักชานกรุงมอสโก ที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลกว่าหายตัวไป แต่ภายหลังเมดเวเดฟแก้ข่าวแล้วว่าแมวเหมียวอยู่บ้านปลอดภัยดี (ภาพ-เอเอฟพี)


ช่วยด้วย..เมี้ยว!!

เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์
ซนใช่ย่อยล่ะเจ้าตัวนี้ เหมียว 'เพิร์ล' วัย 11 เดือน ในเมืองแบร์พ็อต ประเทศอังกฤษ โดดเล่นไปเล่นมา

จนไปติดคาซอกกำแพง!!

ดิ้นแด๊กๆ อยู่นาน ก็ไม่หลุด จนนายหญิง เบ๊ตตี้ มาร์ติน ได้ยินเสียงร้อง..เมี้ยวๆๆๆ ออกมาจากหลังโรงรถ

เมื่อชะโงกไปดู...โอ้แม่เจ้า แมวเดี๊ยน...คุณนายจึงโทร.ตามหน่วยกู้ภัยซึ่งยกขบวนมาถึง 6 นาย ช่วยกันแงะออกมาได้

เหมียวเอ๊ย...ทีหลังจะซนอีกมั้ยเนี่ย??


ที่มา นสพ ข่าวสด