Showing posts with label เรื่องลึกลับ. Show all posts
Showing posts with label เรื่องลึกลับ. Show all posts

ความเชื่อเรื่องแมวดำ

“แมวดำ” จัดเป็นหนึ่งในตัวแทนแห่งลางร้ายคนไทยเชื่อถือกันว่าหากมีแมวดำข้ามโลงศพ ศพนั้นจะเฮี้ยนนัก หรือแม้แต่มันเดินผ่านหน้าก็ถือว่าจะเป็นลางร้าย ภัย อาถรรพณ์ ในคติความเชื่อโบราณ เปรียบดังเงาร้าย ที่เชื่อว่าหากเข้าใกล้ชีวิตเรา จะหาความสุขไม่ได้  มีทุกข์ภัยที่ประดังเข้ามาอย่างไม่คาดฝัน  ในบรรดาลาง ร้ายที่แสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ นั้น ความผูกพันระหว่างคนกับแมวในลักษณะของความเชื่อมีมาแต่โบราณกาลแล้ว เมื่อราว ๓,๐๐๐ ปี ก่อนคริสตกาล แมวทุกตัวในสมัยนั้นรวมทั้งแมวดำจะได้รับการยกย่องมาก มีกฎคุ้มครองไม่ให้ผู้ใดทำร้ายหรือฆ่าแมว หากครอบครัวใดมีแมวตาย คนในครอบครัวนั้นจะเศร้าโศกมาก และสำหรับศพของมันไม่ว่าเจ้าของจะยากดีมีจนเพียงใดก็จะแต่งตัวให้แมวอย่าง สวยงาม ใช้ผ้าลินินเนื้อนุ่มห่อศพเอาไว้เหมือนมัมมี่แล้วเก็บในโลงที่ทำจากโลหะมี ค่าเช่น บรอนช์ หรือทำด้วยไม้ซึ่งเป็นของที่หายากมากในอียิปต์  แมวมีนิสัยรักอิสระ ดื้อ ชอบขโมย และยังสามารถเพิ่มจำนวนพลเมืองแมวได้อย่างรวดเร็วตามเมืองใหญ่ ๆ ดังนั้นความงามสง่าของมันจึงดูลดน้อยลงในสายตาของผู้คน แมวที่พบเห็นอยู่ตามตรอกมักเลี้ยงกันในหมู่คนยากจนและหญิงชราที่ถูกทอดทิ้ง ต่อมาเมื่อความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์เวทมนตร์ระบาดไปทั่วยุโรปหญิงชราไร้บ้าน เหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าเล่นไสยศาสตร์ และแมว (โดยเฉพาะแมวดำ) เพื่อนยากของพวกเธอก็ถูกมองว่าเป็นพวกแม่มดหมอผีไปด้วยแต่น่าแปลกที่พันธุ กรรมของขนแมวสีดำกลับไม่เคยถูกลบเลือนไปจากเผ่าพันธุ์ของมัน… หรือแมวจะมี ๙ ชีวิตจริง ๆ


ความเชื่อเรื่องแมวดำ

แมว จัดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงในแง่ที่ว่ามันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเชื่อของคนเป็น ตัวแทนความศักดิ์สิทธิ์ และเหนือจริง จนมีคำโบราณกล่าวไว้ว่า “หากฆ่าแมวสักตัวถือว่าบาปหนักหนา  เท่ากับฆ่าเณรรูปหนึ่งเลยทีเดียว” ความเชื่อไม่ได้มีระบุที่มาแน่ชัด หากเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ที่นักประวัติศาสตร์ตั้งข้อสังเกตเอาไว้  เนื่องจากคติความเชื่อเรื่องแมวดำ ไม่ได้มีเฉพาะในไทยเท่านั้น  หากมีในหลากชาติหลายภาษาโดยในตำนานเก่าแก่ของ อินเดียโบราณ เชื่อว่า แมวดำเป็นสัตว์ผี  เป็นพาหนะของพระษัษฐี เทวีแห่งความตายของทารก หรือผีแม่ซื้อประจำตัวเด็กในวันที่ 6 ซึ่งพระษัษฐีเป็นเทวีที่มีอิทธิฤทธิ์  หากใครเห็นแมวดำที่ไหน  มักต้องเห็น พระษัษฐีปรากฏกายที่นั่น และจะมีเด็กหรือคนตายที่นั่นด้วยเช่นกัน  โดยเฉพาะในงานศพจะระมัดระวังไม่ ให้แมวมาถูกต้องศพ ด้วยเชื่อว่าจะเกิดมลทินกับศพนั้นๆ ไปตลอด และในคติความเชื่อของจีนโบราณ ถือว่าหากแมวข้ามศพ ผีนั้นจะดุร้ายมาก ต้องเอาตะไกรหรือเหล็กวางไว้บนอกศพ จึงจะไม่เป็นไร เช่นเดียวกับในความเชื่อของแขกมาลายู ที่ต้องเอาตะไกรหนีบมาวางบนอกศพ เผื่อว่าแมวกล้ำกรายเข้ามาใกล้ศพหรือถูกศพ เหล็กตะไกรจะเป็นเครื่องบังคับไม่ให้ศพลุกขึ้นมา กลายเป็นผีร้าย เป็นที่หวาดเกรงของชาวบ้านได้

ระเบียงอาถรรพณ์

ดิฉันอยู่เขตดินแดง กรุงเทพฯ นี่เองค่ะ ระหว่างถนนรัชดาฯ กับวิภาวดีฯ มีถนนและซอยต่างๆ แผ่กระจายเหมือนใยแมงมุม...เหตุการณ์สยองขวัญอุบัติขึ้นที่หน้าบ้านดิฉัน เอง!
ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกแถวเรียงราย มีซอยคั่นทุกหลังขนาดรถแล่นเข้าได้ก็มี เป็นทางเดินแคบๆ ก็มี ตึกแถวมีทั้งเรียงรายราว 5-6 ห้อง กับมีแค่ 2 ห้องที่ทะลุถึงกัน แต่ทุกวันนี้เป็นตึกร้างไปแล้ว

มองจากระเบียงบ้านดิฉันไป คือตึกแถว 5 ห้องที่เปิดเป็นร้านอาหาร ร้านขายของชำ อีก 2 ห้องริมซอยเล็กๆ เป็นที่อยู่อาศัย มีรถราแล่นผ่านไปมาขวักไขว่ตอนกลางวัน ผู้คนก็เดินเข้าออกหนาตา บางคนเงยขึ้นมาร้องทักทาย บางคนดิฉันก็ทักลงไป ล้วนแต่คุ้นๆ หน้ากันทั้งนั้นค่ะ

มอเตอร์ไซค์ทั้งส่วนตัวและรับจ้างแล่นกระหึ่ม ส่วนมากจะระมัดระวังอันตรายกันพอสมควร...เสียแต่ไม่ค่อยชอบสวมหมวกนิรภัยกันเสียเลย!
ขนาด ออกถนนใหญ่ยังไม่สวมเลยค่ะ เห็นแล้วเสียวไส้แทน ตำรวจก็ไม่สนใจจับกุมหรือว่ากล่าวตักเตือนหรอกค่ะ รู้ทั้งรู้ว่าอันตรายเหลือเกิน ถ้าสวมหมวกกันน็อกจะช่วยได้มากเชียว

เพราะเหตุนี้เอง เรื่องสยองขวัญจึงอุบัติขึ้นต่อหน้าต่อตาดิฉันเอง!

วัน เกิดเหตุเป็นบ่ายวันอาทิตย์ ดิฉันไปนั่งที่ม้ายาวริมระเบียงกับหลานชาย มองดูรถราและผู้คนที่เดินเข้าออกไม่ขาดระยะ ร้านเสริมสวยมีลูกค้าหนาตาเป็นพิเศษ เพราะมาสระผมไดร์ผมสำหรับไปทำงานในวันรุ่งขึ้น...

เสียงมอเตอร์ไซค์ดังกระหึ่มจนไม่น่าใส่ใจ แต่แล้วคล้ายมีลางสังหรณ์บางอย่าง ทำให้ดิฉันหันไปมองทางก้นซอยโดยไม่ได้ตั้งใจ!

รถ เครื่องสีแดงเลือดนกกำลังแล่นลิ่วออกมา คนขับไม่ได้สวมหมวกนิรภัยตามเคย! เสื้อวินสีเขียวทำให้รู้ว่าเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง...มีการเคลื่อนไหวทางขวา มือ ดิฉันหันขวับไปมองก็ต้องชาวาบไปทั้งตัวบัดดล

เด็กชายวัยสิบขวบกำลังวิ่งออกมาจากซอยเล็กพอดี!
ตา อั้น...แม่ของแกกำลังรอคิวทำผมอยู่ในร้าน...มอเตอร์ไซค์กับเด็กชายกำลังจะพบ กันตรงหัวมุมตึกแถว แต่ต่างฝ่ายต่างก็มองไม่เห็นกันหรอกค่ะ...เหมือนภาพ สโลว์โมชั่นน่าสยดสยองสิ้นดี

รถสีแดงพุ่งเข้าชนเด็กชายเสียงโครม! ทั้งรถทั้งคนกระเด็นลงไปกลิ้งบนถนน ตามด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนเข้าไปถึงหัวใจ ผู้คนวิ่งถลาออกมามุงดู ดิฉันเองก็ลุกพรวดพราดขึ้นไปเกาะลูกกรงระเบียงมองลงไป เห็นแต่หัวดำๆ กับเสียงพูดเซ็งแซ่...เลือดแดงฉานไหลนองอยู่บนพื้นถนนจนดิฉันรู้สึกปวดมวนใน ช่องท้อง ภาพต่างๆ พร่าเลือนไปชั่วขณะ

ตั้งแต่เกิดมา ดิฉันไม่เคยเห็นภาพสุดสยองแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว!

ทรุด ร่างลงนั่งแปะตามเดิม เสียงหลานชายซักถามอะไรดังแว่วๆ รู้สึกหัวใจเต้นแรงแทบกระทบโพรงอก มือเท้าเย็นชืดไปหมด...ได้ข่าวว่าเด็กชายสลบคาที่ คนขับมอเตอร์ไซค์ศีรษะแตก ดูเหมือนแหลกยับเยินเพราะไม่ได้สวมหมวกนิรภัย

ไปตายที่โรงพยาบาลทั้งคู่เลยค่ะ!!

เวลา ผ่านไปเกือบเดือน มีอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นหลายราย ชาวบ้านแทบจะลืมเหตุการณ์สยองขวัญนั้นไปเกือบหมด แต่ดิฉันยังจำได้ว่าคนขับมอเตอร์ไซค์คันนั้นชื่อนายชิต บ้านอยู่แถวตลาดใกล้ๆ กัน กับตาอั้น-เด็กน้อยที่ต้องมาตายก่อนวัยอันสมควร

ดิฉัน ยังออกไปนั่งเล่นกับหลานชายที่ระเบียงบ้านเสมอ นึกถึงเหตุการณ์สยองขวัญวันนั้นแล้วไม่วายขนลุก...ภาวนาว่าขออย่าให้เกิด เหตุร้ายขึ้นมาอีกเลย!

เย็นนั้นกลับจากทำงานมาอาบ น้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ชวนหลานชายไปนั่งกินขนมที่ระเบียง ไม่ทราบมีอะไรมาดลใจให้นึกถึงนายชิตกับตาอั้นผู้ล่วงลับไปแล้ว

เสียงมอเตอร์ไซค์พลันดังกระหึ่มมาจากก้นซอย...

ดิฉัน หันไปมองก็เห็นเสื้อกั๊กสีเขียวของรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่เมื่อหันไปทางขวาก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาวิ่งออกมาจากซอยเล็กเร็วจี๋...
คุณพระช่วย! ภาพสโลว์โมชั่นแสนสยองอุบัติขึ้นมาอีกแล้วค่ะ!

มอเตอร์ไซค์คันนั้น...นรกเป็นพยาน! คนขับคือนายชิต...ส่วนเด็กชายก็คือตาอั้น! ทั้งสองคล้ายจะนัดพบกันตรงจุดเดิม

ดิฉัน ได้ยินเสียงโครมสนั่น ร่างตาอั้นกระเด็นไปพร้อมๆ กับรถนายชิตล้มคว่ำ ดิฉันลุกพรวดพราดขึ้นไปคุกเข่าเกาะลูกกรงระเบียง จ้องมองด้วยหัวใจเต้นระทึกแทบจะแตกสลายไป

ไม่มีเสียงหวีดร้อง...ไม่ มีใครมามุงดูเหมือนคราวนั้น...รถราและผู้คนยังขวักไขว่ไปมาตามปกติ ดิฉันขยี้ตาแล้วจ้องมองอีกครั้งก็ไม่เห็นภาพสยองอะไรเลย ชั่วขณะหนึ่ง ดิฉันคิดว่าตัวเองคงหมกมุ่นจนตาฝาดไปเองแน่ๆ

หรือไม่ก็พลัดหลงเข้าไปในแดนสนธยาไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ก็เล่นเอาขนหัวลุกไปเลยค่ะ!


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

ปีศาจที่หนองเสือ

'ขาวผ่อง' เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่

เพราะความสนใจใคร่รู้ถึงวิธีหากับแกล้มของเพื่อนฝูงชาวลาวแท้ๆ ที่ทำให้ผมพลอยโดนผีหลอกหลอนเอาแทบปางตายเชียว คุณเอ๋ย...

เหตุการณ์ สยองขวัญเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายปีกลาย ตอนที่เมืองไทยโดนมหาอุทกภัยเล่นงานเอาพินาศย่อยยับ อ่วมอรทัยไปแทบทั้งประเทศนั่นแหละครับ

ผมเป็นคนหนองเสือ ธัญบุรีคลอง 12 นี่เอง ถ้าจะพูดถึงเรื่องน้ำท่วมก็โดนพอท้วมๆ ไม่หนักหนาสาหัสเหมือนพวกอยู่รังสิต ปทุมธานี เพราะย่านนั้นหนักหนาสาหัสชนิดรถราแล่นผ่านไม่ได้นับเดือน ไปตั้งแต่ดอนเมือง สะพานใหม่ บางบัว เกษตร จนถึงลาดพร้าว

ขนาดเบาะๆ ยังเล่นงานมะม่วงน้ำดอกไม้ของผมยืนต้นตายไปสิบกว่าต้น เพราะโดนแช่น้ำเป็นเดือนๆ น่ะ มันรับไม่ไหวหรอกครับ

ยัง ดีที่มีต้นรอดตายพอสมควร ตอนนี้ตกดอกออกผลงามสะพรั่ง ราวจะเป็นการทดแทนให้น่าชื่นใจ ได้เก็บใส่กระสอบไปขายที่ตลาดสี่มุมเมืองคราวละ 5-6 กระสอบ กิโลกรัมละ 10 บาท กระสอบหนึ่งก็ไม่ต่ำกว่า 50-60 กิโลกรัม พอปะทะประทังกันไปยามยาก

พวกเพื่อนๆ จากเวียงจันทน์ของผมที่มีอยู่หลายสิบคนน่ะดูจะไม่ค่อยอนาทรร้อนใจเท่าไรหรอกแฮะ!

เพื่อนๆ ที่เป็นแรงงานต่างด้าวพวกนี้มายึดอาชีพเป็นลูกจ้างดูแล 'ไร่หญ้า' ให้เถ้าแก่ที่เขาปลูกขายสำหรับปูสนามนั่นไงครับ มีหน้าที่รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย แซะหญ้าที่เติบโตได้ที่ โดยมีกระท่อมเป็นสิบๆ หลังไว้เป็นที่อยู่อาศัย

หลายๆ คนก็พาลูกเมียดุ่มดั้นมาเผชิญโชคที่นั่นหลายปีแล้ว มีทั้งถูกและไม่ถูกกฎหมาย แต่ 'มีเงินก็ใช้ผีโม่แป้งได้' อย่างเขาว่ากันน่ะแหละ จ่ายให้เจ้าที่เจ้าทางเป็นรายเดือนก็หมดปัญหาแล้ว

ข้อสำคัญคือ 'อย่าออกนอกเขต' ก็แล้วกัน!

อ้อ! ถ้าได้ยินใครบอกว่าลาวโง่อย่าไปเชื่อนะครับ เพราะช่วงหลังๆ มานี่พวกท่านท้าวส่วนใหญ่ไม่ยอมรับจ้างทำงานเป็นรายเดือนแล้ว แต่ขอค่าแรงแซะหญ้าเป็นตารางเมตรกันแล้ว...คิดดู!

ตกเย็นก็เป็นเวลา พักผ่อนหย่อนใจ ยังไงๆ ก็หนีไม่พ้นเหล้าขาวไปได้ นอกจากวันเงินออกถึงจะเล่นเหล้าสี ไม่ก็เดาะเบียร์ให้มันโก้หรูไปเลย แถมมีน้ำใจชวนผมไปร่วมวงอีกด้วย

กินเหล้าก็ต้องมีกับแกล้ม แหม! แถวนั้นสัตว์เลื้อยคลานชุมครับ โดยเฉพาะตะกวดกับ 'วรนุช' ที่เรียกว่ายั้วเยี้ยก็ยังได้ ทั้งบนต้นไม้ ทั้งในน้ำและชายฝั่ง หมาจรจัดโดนรถชนตายก็โดนพวกนี้งับหายวับไปแล้ว...พี่น้องชาวลาวของผมช่วยกัน จับเอามาย่างไฟจิ้มแจ่วแกล้มเหล้ากันสำราญไป

บ้างก็เอาไปต้มยำทำแกง ผัดเผ็ดหอมฟุ้งเป็นกับแกล้ม แถมกลายเป็นกับข้าวให้ลูกเมียได้อีกต่างหาก
จนกระทั่งถึงวันขนหัวลุก!

ตอน นั้นน้ำเริ่มปริ่มๆ เข้ามาแล้ว พวกตะกวดหรือ 'แลน' ไม่ค่อยโผล่มาให้เห็น คงจะหมกตัวอยู่ในน้ำที่มีทั้งหนองและคลองไม่ไกลนัก บักอุ่นกับบักโฮมเป็นคนเก่าอยู่มาหลายปี จัดการสั่งให้ลากข่ายออกมาดักปลาที่ชุกชุมขึ้นพะเรอ สำหรับเป็นกับแกล้มและกับข้าวมื้อเย็น

พรรคพวก 2-3 คนจัดการลงไปวางข่ายดักปลา ท่ามกลางเพื่อนๆ และผมที่ติดตามไปดูเป็นกำลังใจ

เย็น นั้นฟ้าครึ้มเร็วกว่าเดิม อากาศในฤดูหนาวก็เย็นยะเยือกผิดปกติ เสียงหัวหน้าสั่งการเร็วปรื๋อเป็นภาษาลาวจนผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง...คงจะ หมายถึงปลาเข้ามาติดข่ายแล้ว อะไรทำนองนั้น พวกลูกน้องก็ช่วยกันลากข่ายขึ้นมาพลัน

อุแม่เจ้า! แทนที่จะเป็นปลา กลับกลายเป็นตะกวดตัวเขื่องขนาดจระเข้ใหญ่ๆ แทบจะไม่น่าเชื่อว่าข่ายบางๆ จะรองรับน้ำหนักเอาไว้ได้!

เสียง ร้องเฮๆ ด้วยความดีใจ กรูกันเข้าหาเหยื่อตัวงาม บ้างก็ถือไม้วิ่งแร่เข้าไปหมายจะสำเร็จโทษตามระเบียบ ก่อนจะแล่เนื้อเถือหนังเอาไปย่างไฟเป็นอาหารโอชะต่อไป

ทัน ใดนั้นเอง ตะกวดประหลาดตัวนั้นก็หันขวับมาพุ่งพรวดขึ้นสูงลิ่วเหมือนมันยืนด้วยหาง อ้าปากกว้างจนเห็นเขี้ยวขาววับ นัยน์ตาแดงจ้าปานแสงไฟ เล่นเอาทุกคนผงะหน้าด้วยความตื่นตกใจไปตามๆ กัน
นรก เป็นพยาน! พริบตาต่อมา ขณะที่แสงสว่างจางหายรวดเร็ว ตะกวดปีศาจกลายร่างเป็นชายร่างสูงใหญ่ ดำทะมึน ผมยาวประบ่า กระชากข่ายที่พันร่างขาดกระเจิง แผดเสียงคำรามลั่นจนหลายๆ คนร้องจ้า เผ่นกระเจิงไปคนละทิศละทางในบัดดล!

ผมเองวิ่งล้มลุกคลุกคลาน มาถึงบ้านได้ยังไงก็สุดรู้...ต่อมาก็ไม่ได้ไปคลุกคลีกับต่างด้าวเหล่านั้น อีกเลย แต่ได้ข่าวว่าเลิกกินตะกวดกันหมดทุกคนแล้วละครับ! บรื๋อออ....


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

สถานที่บน และ วิธีแก้บน

credit tukdee bloggang.com



วัดมหาบุศย์ (ศาลย่านาค)
เรื่องที่บนบาน โชคลาภ ความรัก การเกณฑ์ทหาร
วิธีบน จุดธูป 9 ดอก
วิธีแก้บน แก้ตามคำกล่าว หรือ ถวายผ้าถุง ของเล่นเด็ก พวงมาลัย

ท้าวพรหมเอราวัณ
เรื่องที่บนบาน ค้าขาย การงาน การเรียน
วิธีแก้บน จุดธูป 12 ดอกไหว้ทั้ง 4 หน้า
วิธีแก้บน แกเตามคำกล่าว หรือรำแก้บน

พระเจ้าตากสิน (วงเวียนใหญ่)
เรื่องที่บนบาน ค้าขาย การเรียน งาน หนี้สิน (โดยมากจะเป็นเรื่องค้าขาย)
วิธีบน ใช้ธูป 16 ดอก มาลัยดาวเรือง มาลัยมะงิดาวเรือง หากขอพรใช้ 9 ดอก
วิธีแก้บน แก้บนตามคำกล่าว หรือโดยการนำอาหารมาถวายท่าน

ลานพระบรมรูปทรงม้า
เรื่องที่บนบาน การเรียน ขอให้มีสิทธิ์เรียนรักษาดินแดน
วิธีบน จุดธูป 16 ดอก กุหลาบสีชมพู (ครั้งแรกจุด 16 ดอก ครั้งต่อไป 9 ดอก)
วิธีแก้บน แก้บนตามคำกล่าว หรือนำ น้ำ มะพร้าวอ่อน กล้วยน้ำว้า ทองหยอด บรั่นดี ซิการ์ ข้าวคลุกกะปิ กุหลาบชมพู

กรมหลวงชุมพร (เสด็จเตี่ย)
เรื่องที่บนบาน ส่วนมากจะเป็นการขอมากกว่าการบน
วิธีบน จุดธูป 19 ดอก และกุหลาบแดง
วิธีแก้บน แก้ตามคำกล่าวหรือถวายกุหลาบแดง ประทัด หมากพลู ผลไม้

ศาลเจ้าพ่อเสือ
เรื่องที่บนบาน การค้าขาย เสริมวาสนาบารมี
วิธีบน ธูป 18 ดอก ปีก 6 กระถาง เทียนแดง 1 คู่ มาลัย 1 พวง (หรือถวายเงินเติมน้ำมันตะเกียง)
วิธีแก้บน แก้ตามคำกล่าว

พระตรีมูรติ
เรื่องที่บนบาน เกี่ยวกับความรัก
วิธีบน เทียนแดง 1 เล่ม ธูป(ควรบนตั้งแต่ 09.30-21.30น.)
วิธีแก้บน แก้ตามคำกล่าว หรือน้ำผลไม้ กุหลาบแดง มาลัยกุหลาบ ช้าง

ศาลหลักเมือง
เรื่องที่บนบาน ความมั่นคงในหน้าที่การงาน
วิธีบน ธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม ผ้าแพร่ 3 สี ดอกบัว
วิธีแก้บน ถวายพวงมาลัย หรือผูกผ้า 3 สี
****ใครอยากบนเรื่องอะไรลองขอและไหว้กันดูนะ สำเร็จแล้วมาบอกเพื่อนๆด้วย****

อาถรรพ์ ลืมแก้บน

ดิฉันเป็นคนตลาดเก่าเยาวราช ลูกสาวสอบเอ็นทรานซ์ก็ไปบนเจ้าที่วัดเล่งเน่ยยี่ เพราะนับถือมานานแล้วว่าท่านศักดิ์สิทธิ์นัก ใครเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไปบน ไปขอยาสมุนไพรจีนทางเซียมซี ได้แล้วก็เอาไปให้ซินแสที่ร้านขายยา ซื้อหามากินไม่ช้าก็หาย

บางทีก็ไปซื้อยาบำรุงร่างกายพวกฮ่วยซัว, ฮีบี่, ง่วนเน็ก, เง็กเต๊ก, แปะฮะ...อะไรพวกนี้มาต้มกับเนื้อไก่หรือหมูเป็นน้ำแกง เป็นทั้งอาหารและยาค่ะ

คนค้าขายอย่างดิฉันกับสามีมักจะยุ่งอยู่กับ งานตลอดวัน จนลืมสนิทว่าลูกสาวเอ็นฯ ติดแล้วแต่ยังไม่ได้แก้บน (ส้มเช้งกับสับปะรด) เอาแต่ผัดวันประกันพรุ่งเรื่อยมา

คืนหนึ่งก็ฝัน เห็นเทพเจ้า 4 องค์ หน้าตาดุร้ายน่ากลัวจ้องเขม็ง เล่นเอาตกใจตื่นมาพอดีย่ำรุ่ง รีบกินข้าวต้มว่าจะรีบไปแก้บน ลูกค้าก็แห่มาเต็มเป็นประจำ ลูกจ้างสองคนยังขายไม่ทัน ดิฉันต้องช่วย...วุ่นวายจนมานึกได้ตอน 4 โมงเช้ากว่าๆ

ขอตัวไปซื้อ ของแก้บน ได้แต่ส้ม ส่วนสับปะรดไม่มีเลย เดินมาถึงถนนเยาวราชก็ไม่มี ข้ามถนนเข้าซอย 36 ไปทะลุเจริญกรุง เข้าตลาดข้างวัด มีของขายไหว้พระและแก้บนสารพัด แต่ไม่มีสับปะรดสักเจ้าเดียว

ตกลงยอม แพ้ค่ะ เข้าไปถวายส้มแก้บน บอกว่าวันหลังจะหาสับปะรดมาแก้บนตามสัญญา...ออกจากวัดก็ทั้งเหนื่อยทั้งหิว เพราะเดินมานาน เบียดผู้คนจนเหงื่อไหลไคลย้อยอีกต่างหาก...นึกถึงข้าวแกงเจ๊กปุ้ยที่ต้นซอย ใกล้ๆ วัดขึ้นมาได้

แหม...น้ำลายสอเชียวค่ะเมื่อนึกถึงแกงกะหรี่ ลูกชิ้นสูตรแต้จิ๋ว กินกับไข่ต้ม อาจาด กุนเชียง หรือแกงเขียวหวานไก่ ผัดหน่อไม้ แกงลูกชิ้นปลากราย...ต้องกลืนน้ำลายอย่างเดียว เพราะเขาจะขนของออกมาขายก็ตอนเย็นๆ โน่น

หาอะไรกินแก้หิวก่อนดีกว่า!

เดิน ไปถึงมุมตึกต้นซอยมังกร ร้านค้าส่วนมากปิดวันอาทิตย์ เห็นมีแผงก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นติดๆ กับกาแฟโบราณ พอดีมีโต๊ะตรงหัวมุมที่อาแปะคนหนึ่งนั่งสูบบุหรี่...แกกินอิ่มแล้วค่ะแต่ยัง มีชามก๋วยเตี๋ยววางอยู่

ดิฉันเข้าไปนั่งด้วย หันหน้าไปที่แม่ค้าวัยกลางคนผิวคล้ำ กำลังพูดคุยกับสาวขายกาแฟร่างใหญ่ นุ่งกางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืด ผิวขาว หน้าตา...มาดทอมจริงๆ ค่ะ

สัก ครู่หญิงอ้วนดำก็มาถามว่าจะรับอะไร ดิฉันสั่งเส้นใหญ่น้ำ แกก็ผละไปปรุงก๋วยเตี๋ยว...เอ! ไม่ยักเก็บชามหรอกแฮะ คงเห็นลูกค้านั่งอยู่มั้ง?

ไม่ช้าก็ได้กินก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ่น มีเนื้อราว 4-5 ชิ้นกับน่องเป็ด 1 ขา ดิฉันสั่งกาแฟเย็น คนขายกำลังอุ้มเด็กอายุขวบเศษ หยอกล้อเล่นกับคนขายก๋วยเตี๋ยว ท่าทางไม่ค่อยสนใจลูกค้า...ดิฉันตักพริกน้ำส้ม น้ำตาลน้ำปลาปรุงเท่าไหร่ก็ไม่อร่อยถูกปากเอาเลย

ทันใดนั้น อาซิ้มผอมกงโก้ชุดดำ สารรูปบอกว่าเป็นคนจรจัด เดินจากในซอยผ่านด้านหลังอาแปะที่นั่งสูบบุหรี่เพลิน...หันไปยื่นมือพึมพำขอ เงิน!

ดิฉันทำเป็นคีบก๋วยเตี๋ยวใส่ปากไม่สนใจ...อาแปะชั่งใจเดี๋ยว หนึ่งก็ควักกระเป๋าสตางค์ออกมาหยิบแบงก์ใบละ 20 บาทเก่าๆ ส่งให้ อาซิ้มคงดีใจที่ได้มากเกินคาดเลยรีบเดินผ่านไปทางวัด...ริมฟุตปาธมีกระถาง ต้นไม้วางขายหลายกระถางด้วยค่ะ

อ้าว? คนขายก๋วยเตี๋ยวมาเก็บชามเปล่าตรงหน้าอาแปะแล้ว เอาใส่กะละมังข้างแผงแล้วหันไปเล่นกับเด็ก ผลัดกันอุ้มกับสาวทอมขายกาแฟ

รถ ราเล่นขวักไขว่ บางทีก็ติดกันเป็นแพ สรรพสิ่งคึกคัก สับสน ดิฉันคิดว่าจะกินน่องเป็ดเพราะเสียดาย แล้วพอกันที จะเหลือครึ่งค่อนชามก็ช่างเพราะกินไม่ลงจริงๆ

อาแปะสูบบุหรี่มองสบตาดิฉันเป็นครั้งแรก...

ความ หนาวเย็นแล่นวูบเข้าจับหัวใจ ตะเกียบแทบหล่นจากมือเมื่อจำนัยน์ตาคู่นั้นได้แม่นยำ...นัยน์ตาดุดันของเจ้า ทั้งสี่องค์ที่ดิฉันฝันเห็นเมื่อตอนย่ำรุ่งนี่เอง!

ทันใดนั้นเสียง เด็กร้องไห้จ้า ดิฉันมองข้ามไหล่อาแปะไปก็เห็นเขาหัวเราะกัน...ขณะที่ผู้คนกับรถรา ขวักไขว่สับสนราวจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ ดิฉันเย็นวาบไปที่แผ่นหลัง

ไม่ มีอาแปะที่นั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงข้ามเสียแล้ว ราวกับแกละลายกลายเป็นอากาศธาตุไปต่อหน้าต่อตา รถเข็นผลไม้กำลังจะออกจากซอย สับปะรดเต็มเพียบ แม้ม่านตาจะพร่าพรายก็ยังมองเห็น รีบจ่ายเงินแล้ววิ่งไปซื้อสับปะรด 1 ลูกโดยไม่ถามราคาเลย...

คุณๆ ที่เคยบนบานศาลกล่าวไว้ที่ไหนอย่าลืมแก้บนเชียวนะคะ...ขนลุกค่ะ!

เรื่องเล่าจาก ข่าวสด

ข้อควรปฏิบัติเมื่อไปสำรวจสถานที่ผีสิง

International Ghost Hunting Society ได้กำหนดมาตราฐานข้อควรปฏิบัติในการสำรวจภาคสนามซึ่งได้มาจากประสบการณ์ที่ ผ่านมา. มาตรฐานเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้สนใจ โดยเฉพาะมือใหม่ที่อาจถ่ายภาพผิดพลาดได้เสมอ.
ข้อควรปฏิบัติมีดังนี้

>>>บอกกล่าวดวงวิญญาณก่อนเพื่อขออนุญาตถ่ายภาพพวกเขา.

>>>ไม่สูบบุหรี่หรือทำให้เกิดควันขณะทำการสำรวจ


>>>ไม่ดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์, ทั้งก่อนและขณะไปทำการสำรวจ


>>>ไม่เล่นผีถ้วยแก้ว ผีเหรียญ ขณะไปทำการสำรวจ


>>>ไม่ควรถ่ายภาพในเวลาที่สภาพอากาศไม่ดี เช่นในช่วงที่มีฝนตก, หมอก, ลมแรง, มีฝุ่นมาก เป็นต้น


>>>ไม่ควรถ่ายภาพจากยานพาหนะที่กำลังวิ่งอยู่ ควรลงมาหรือจอดก่อนแล้วจึงถ่ายภาพ


>>>และไม่ควรถ่ายภาพขณะกำลังเดินอยู่ด้วย


>>>ควรทำความสะอาดกล้องให้เรียบร้อย โดยเฉพาะเลนส์

>>>ควรมีสายสะพายกล้องด้วย เพื่อความสะดวก


>>>ไม่ควรถ่ายภาพกับวัตถุที่สะท้อนแสงหรือผิวมัน เช่น กระจก


>>>เวลาถ่ายภาพให้ระวังนิ้วที่อาจบังเลนส์ได้


>>>ระวังเส้นผมบังเลนส์หากคุณเป็นคนผมยาว


>>>ไม่ควรวิ่งเล่นหรือส่งเสียงดังในสุสานหรือสถานที่โบราณ


>>>ควรแสดงความเคารพในสถานที่นั้นๆ ด้วย


>>>หากต้องการบันทึกเสียง ควรใช้เทปเปล่าที่ใหม่มาบันทึกจะดีมาก


>>>หากภาพที่ถ่ายได้พบสิ่งผิดปกติ ควรตรวจสอบกับฟิล์มอีกครั้ง เพราะบางทีอาจเกิดจากความผิดพลาด
ตอนล้างอัดภาพก็เป็นได้


>>>การใช้แฟลชจะใช้ได้ดีในรัศมี 9-12 ฟุต (3-4 เมตร) จากกล้อง

>>>สิ่งสำคัญคือควรทำใจให้สบาย ไม่ควรอารมณ์เสียเมื่อทำการสำรวจ